One of three columns
One of three columns
One of three columns

Thailand Marketing Day : The Special Edition

2.6k
SHARE
“Marketing the Unknown”

สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย จัดงานวันนักการตลาด “Thailand Marketing Day : The Special Edition” ในธีม “Marketing the Unknown” ซึ่งสะท้อนสถานการณ์ที่สุดท้าทายและยากจะคาดเดาในยุคปัจจุบัน พร้อมเผยทิศทางการปรับตัวเพื่อข้ามผ่าน “ความไม่รู้” และพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส ทางธุรกิจ พร้อมสร้างความเข้มแข็งให้กับแบรนด์ด้วย H.E.A.R.T หรือหัวใจของการตลาดยุค Post Pandemic

02 มีนาคม 2565 – กรุงเทพฯ : นายอนุวัตร เฉลิมไชย นายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย กล่าวว่า

“เป็นเวลาเกือบ 3 ปีแล้ว ที่คนทำธุรกิจและนักการตลาดเครียดและสับสนกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน ผันผวน ไม่มีความชัดเจน เศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว ประกอบกับความเปลี่ยนแปลงของโลก สังคม และผู้บริโภค หลายเรื่องเปลี่ยนแปลงเร็วมาก จนเกิดเป็นโลกที่เราไม่เคยรู้จัก เกิดความไม่เข้าใจมากมาย ซึ่งธุรกิจและนักการตลาดต้องเรียนรู้และปรับตัวให้ทัน

ในงาน Thailand Marketing Day วันนี้ สมาคมการตลาดฯ ได้เรียนเชิญผู้นำภาคธุรกิจและการตลาดมากมาย เพื่อมาระดมความคิดพร้อมแลกเปลี่ยนมุมมองและประสบการณ์ในการรับมือกับสิ่งที่เป็น Unknown ต่างๆเหล่านี้ เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้ประกอบการไทยสามารถนำแนวคิดดีๆมาจุดประกายในการพลิกวิกฤติให้กลาย เป็นโอกาสทางธุรกิจ และสร้างความเข้มแข็งกับแบรนด์ให้เป็นที่ยอมรับและน่าเชื่อถือในโลกยุคใหม่

โดยทางสมาคมการตลาดฯ ขอฝากหลักคิดและแนวทางการทำการตลาดในโลกที่เต็มไปด้วย Unknown จากการประมวลความคิดของท่าน CEO และ CMO Council ที่ให้การสนับสนุนสมาคมการตลาดมาโดยตลอด มีหัวใจ หรือที่เรียกว่า H.E.A.R.T ดังนี้

H – Humanize

ในยุคที่ยากลำบาก ความเห็นอกเห็นใจสำคัญมาก ผู้บริโภคมองหาแบรนด์ที่มีความเป็นมนุษย์ มีจิตสำนึก มีความเข้าใจ มีความโปร่งใส และมีเป้าหมายเดียวกับพวกเขา หากแบรนด์จริงใจ และสามารถสร้างมิตรภาพจนความสัมพันธ์แน่นแฟ้นเหมือนเพื่อน เมื่อนั้นคุณจึงจะสามารถก้าวไปอยู่ในใจของลูกค้าได้อย่างแท้จริง

E – ESG & Sustainability

ในขณะที่สถานการณ์โควิด การเมืองโลก เศรษฐกิจ ธุรกิจ เทคโนโลยี ฯลฯ มีแต่ความไม่รู้ (unknown) และไม่แน่นอน (unpredictable) สิ่งหนึ่งที่เรารู้แน่ชัด คือ โลกที่เราอยู่กำลังถดถอย และต้องการการเยียวยา นานาอารยะประเทศได้ตระหนักถึงความสำคัญและยกให้เรื่อง Green Trend นี้เป็นวาระระดับโลก ภาคธุรกิจก็ให้ความสำคัญกับเรื่องการดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) มากยิ่งขึ้น โดยเรื่อง ESG จะไม่ได้เป็นแค่การทำกิจกรรม CSR อีกต่อไป แต่จะถูกพัฒนาไปเป็นรูปแบบของ Sustainable Marketing อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งเรื่องของกระบวนการผลิต แนวคิดผลิตภัณฑ์ ไปจนถึงการปรับโมเดลธุรกิจให้เกิดผลเชิงบวกกับ Profit – People – และ Planet ไปพร้อมๆกัน

A – Agile

ในที่นี้คือ ความคล่องตัวในทุกแง่มุม ทั้งรูปแบบ Agile Structure ขององค์กร ที่ต้องปรับให้เอื้อต่อการตัดสินใจ เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว เป็นอิสระต่อกัน ทีมงานต้องมี Agile Mindset ที่พร้อมเปิดรับความเปลี่ยนแปลง ให้ความสำคัญกับการทำงานเป็นทีมเพื่อร่วมแก้ปัญหา กระตุ้นให้กล้าคิดที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ใหม่ๆบรรลุเป้าหมาย ในมุมของการตลาด ก็ต้องมี Agile Marketing คือมีกลยุทธ์และแผนการตลาดที่มีความยืดหยุ่น มีการคิดมาอย่างรอบคอบ และมีแผนสำรองที่หลากหลาย พร้อมปรับเปลี่ยนให้เท่าทันกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง

R – Resilience

สถานการณ์ที่ผ่านมาหลายภาคส่วนและหลายๆธุรกิจได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก แต่หนึ่งในความท้าทายที่เป็นโอกาส คือ เรื่องการ “ล้มแล้วลุกเร็ว” เมื่อธุรกิจหรือแผนการตลาดไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ธุรกิจต้องเรียนรู้ เพื่อนำมาปรับและเตรียมพร้อมรับมือ ความ resilience ภายใน คือวัฒนธรรมองค์กรที่เปิดโอกาสให้คนลองผิดลองถูกให้คนมี growth mindset และมีที่ให้พวกเขาได้พัฒนาส่วนภายนอกนั้นบางครั้ง การ resist ไม่ได้แปลว่าการยึดคิดกับความสำเร็จเดิมๆ แต่คือการกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงเพื่ออยู่รอด

และ T – Transformation

ในยุคนี้ องค์กรต้องพร้อมเปลี่ยนแปลง ไม่ยึดติดกับความสำเร็จเดิมๆ ในวิกฤติที่เกิดขึ้น จริงๆแล้วเรามองเห็นโอกาสมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเทรนด์ของผู้บริโภคที่ใส่ใจเรื่องสุขภาพและรักโลกมากขึ้น เขายอมจ่ายมากขึ้นเพื่อได้รับสิ่งที่ดีกว่า เรื่องของเทคโนโลยีใหม่ๆที่เกิดขึ้นใน1-2ปีที่ผ่านมา ทั้งเรื่อง new platform เรื่อง digital asset หรือแม้แต่การเกิดขึ้นของ metaverse โลกเสมือนที่จะมาเปลี่ยนวิถีชีวิตและวิถีการทำธุรกิจในอนาคต เทรนด์และโอกาสนั้นมีมากมาย แต่สิ่งที่สำคัญคือ องค์กรต้องรู้จักเลือก ว่าโอกาสไหน ที่เหมาะกับธุรกิจของเรา

ในโลกแห่งความไม่รู้ สิ่งหนึ่งที่จะเป็นกุญแจสู่ประตูแห่งความเข้าใจ คือเรื่องของ data ทุกองค์กรและนักการตลาดทุกคน ต้องเริ่มนำ data มาใช้ โดยการ เก็บ Big Information ประมวลผลเป็น Meaningful Data แล้วมาสร้าง ให้เกิดเป็น Impactful Action ที่ช่วยให้ชีวิตของลูกค้าเราดีขึ้น ช่วยให้โลกดีขึ้น และช่วยให้ธุรกิจมีผลกำไรมากขึ้น

ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า งาน Thailand Marketing Day ในวันนี้จะช่วยเปิดมุมมองและจุดประกายความ คิดให้ทุกท่านและจะช่วยให้เราทุกคน สามารถก้าวผ่านโลก unknown นี้ไปได้ด้วยกันนะครับ” อนุวัตรกล่าวทิ้งท้าย


ผู้เขียน
MAT TEAM

สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย

งานประกาศผลรางวัล Marketing Award of Thailand

183
SHARE

สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย ได้มีการจัดประกวดแคมเปญการตลาด MAT Award มาเป็นเวลาต่อเนื่องอย่างยาวนาน เพื่อสนับสนุนและยกย่องผลงานของนักการตลาดไทยที่ประสบความสำเร็จ และในปี 2564 ที่ผ่านมา เพื่อเฉลิมฉลองวาระที่สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย มีอายุครบรอบ 55 ปี จึงได้มีการ Rebranding รางวัล เป็น “Marketing Award of Thailand” และได้มีการปรับกลุ่มรางวัล พร้อมปรับเกณฑ์และขั้นตอนการตัดสินรูปแบบใหม่ ร่วมกับคณะกรรมการและคณะที่ปรึกษาจากหลากหลายวงการ เพื่อให้มีความสอดคล้องกับโลกการตลาดยุคใหม่

กลุ่มรางวัลใหม่ ถูกแบ่งออกตาม 4 Pillars หลัก ซึ่งเป็นหัวใจของการตลาดตลาดยุคใหม่ ดังนี้

Award Category 1: Strategic Marketing

แคมเปญการตลาดที่มีความเป็นเลิศด้านกลยุทธ์ สะท้อนแนวคิดทางการตลาดเพื่อให้บรรลุถึงเป้าหมาย และมีการนำกลยุทธ์มาแปรเป็นแผนปฏิบัติการณ์ที่สอดคล้อง ตอบโจทย์วัตถุประสงค์ทางธุรกิจท่ามกลางการแข่งขัน และสร้างผลลัพธ์เชิงบวกให้กับแบรนด์

Award Category 2 : Brand Experience & Communication

แคมเปญการตลาดที่มีความเป็นเลิศด้านการสร้างคุณค่าของแบรนด์ โดยมีการถ่ายทอดจุดยืนของ แบรนด์แก่กลุ่มเป้าหมายผ่านการสร้างประสบการณ์และการสื่อสารต่างๆ ส่งผลไปสู่การสนับสนุนสินค้าหรือบริการ กลายเป็นความจงรักภักดีในตัวแบรนด์ และนำไปสู่ผลลัพธ์ทางธุรกิจ

Award Category 3 : Innovations & Martech

แคมเปญการตลาดที่มีความเป็นเลิศด้านการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อสร้างผลลัพธ์ใหม่ให้แก่ธุรกิจ มีแนวทางความคิดทางการตลาดที่โดดเด่น สร้าสรรค์ และมีการนำเสนออย่างลงตัว ทั้งคุณค่าของสินค้าและบริการ พร้อมสะท้อนคุณค่าของแบรนด์ โดยใช้นวัตกรรมและเครื่องมือทางการตลาดที่ทันสมัย และนำไปสู่ผลลัพธ์ทางธุรกิจ

Award Category 4 : Sustainable Marketing

แคมเปญการตลาดที่มีความเป็นเลิศด้านความยั่งยืน โดยสามารถสะท้อนจุดยืนของแบรนด์ ในการหวังผลให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน โดยคำนึงถึง stakeholder ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นตัวองค์กร พนักงาน ลูกค้า ซัพพลายเออร์ สังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อมและสร้างผลลัพธ์เชิงบวกอย่างโดดเด่น มีนัยยะสำคัญ

และมี “สุดยอดแคมเปญแห่งปี” อีก จำนวน 2 รางวัล คือ

Grand Prize สุดยอดแคมเปญการตลาดแห่งปี

สำหรับแคมเปญที่มีความเป็นเลิศทั้งในเชิงกลยุทธ์ วิธีการ ความคิดสร้างสรรค์ และผลลัพธ์ที่น่าทึ่งในกลุ่มเป้าหมายตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้ เป็นผลงานที่สะท้อนความภาคภูมิใจและความสำเร็จในการขับเคลื่อนธุรกิจด้วยการตลาดอย่างแท้จริง ผู้ชนะรางวัลนี้ คือผู้ที่ได้รับคะแนนสูงสุดจากแต่ละกลุ่มรางวัล และได้รับการโหวตสูงสุด จากคณะกรรมการผู้ตัดสิน คณะกรรมการสมาคมการตลาด และ คณะที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ของโครงการ

และ CMO’s Top Choice Award

สุดยอดแคมเปญจากเสียงโหวตของ CMO เป็นรางวัลพิเศษที่ได้รับการโหวตด้วยคะแนนสูงสุด จาก MAT CMO COUNCIL ซึ่งเป็นคณะผู้บริหารระดับสูงด้านการตลาดกว่า 100 ท่าน จากบริษัทชั้นนำในหลากหลายกลุ่มธุรกิจ

โดยในปี 2564 ที่ผ่านมานี้ มีผู้เข้าร่วมส่งผลงานเข้าร่วมทั้งสิ้น 73 ผลงาน จาก 44 องค์กร ทั่วประเทศ และการแข่งขันสิ้นสุดลงในเดือนตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา ในวันที่ 2 มีนาคม 2565 สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย จึงได้มีการจัดพิธีประกาศผลรางวัล “Marketing Award of Thailand: สุดยอดแคมเปญการตลาด” ณ โรงแรม เรเนซองส์ กรุงเทพฯ ราชประสงค์  โดยมีรายนามผู้ชนะรางวัล ดังนี้

Award Category 1: Strategic Marketing
  • รางวัล Gold Award มี 1 ผลงาน ที่ได้รับรางวัล
    1. ชื่อผลงาน “Healthiness On The Go.. Sizzler To Go”
      บริษัท เอส แอล อาร์ ที จำกัด (Sizzler)
  • รางวัล Silver Award มี 2 ผลงาน ที่ได้รับรางวัล
    1.  ชื่อผลงาน “CPAC Farm Solution ฟาร์มสุข สร้างได้”
      บริษัท ผลิตภัณฑ์และวัตถุก่อสร้าง จำกัด

      ชื่อผลงาน “CPAC Farm Solution ฟาร์มสุข สร้างได้” บริษัท ผลิตภัณฑ์และวัตถุก่อสร้าง จำกัด
    2. ชื่อผลงาน “รองเท้านันยาง Have Fun ใหม่ ไม่ต้องผูกเชือก ลดการสัมผัสเชื้อโรค”
      บริษัท นันยางมาร์เก็ตติ้ง จำกัด

      ชื่อผลงาน “รองเท้านันยาง Have Fun ใหม่ ไม่ต้องผูกเชือก ลดการสัมผัสเชื้อโรค” บริษัท นันยางมาร์เก็ตติ้ง จำกัด
  • รางวัล Bronze Award มี 3 ผลงาน ที่ได้รับรางวัล
    1. ชื่อผลงาน “KING POWER TEAM POWER”
      บริษัท KING POWER

      ชื่อผลงาน “KING POWER TEAM POWER” บริษัท KING POWER
    2. ชื่อผลงาน “It’s Your Series”
      Mitsubishi Motors (Thailand) Co., Ltd.

      ชื่อผลงาน “It’s Your Series” Mitsubishi Motors (Thailand) Co., Ltd.
    3. ชื่อผลงาน “The Last Parcel”
      บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด

      ชื่อผลงาน “The Last Parcel” บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด
Award Category 2 : Brand Experience & Communication
  • รางวัล Gold Award มี 1 ผลงาน ที่ได้รับรางวัล
    1. ชื่อผลงาน “คูโบต้าฟาร์ม – สูตรสำเร็จ เกษตรแห่งอนาคต ผ่านฟาร์มสร้างประสบการณ์”
      บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด

      ชื่อผลงาน “คูโบต้าฟาร์ม – สูตรสำเร็จ เกษตรแห่งอนาคต ผ่านฟาร์มสร้างประสบการณ์” บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด
  • รางวัล Silver Award – ไม่มีแคมเปญที่ได้รับรางวัล
  • รางวัล Bronze Award มี 5 ผลงาน ที่ได้รับรางวัล
    1. ชื่อผลงาน “The Last Parcel”
      บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด

      ชื่อผลงาน “The Last Parcel” บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด
    2. ชื่อผลงาน “รองเท้านันยาง Have Fun สําหรับเด็กประถมโดยเฉพาะ”
      บริษัท นันยางมาร์เก็ตติ้ง จำกัด

      ชื่อผลงาน “รองเท้านันยาง Have Fun สําหรับเด็กประถมโดยเฉพาะ” บริษัท นันยางมาร์เก็ตติ้ง จำกัด
    3. ชื่อผลงาน “KBank X BLACKPINK”
      ธนาคารกสิกรไทย จํากัด (มหาชน)

      ชื่อผลงาน “KBank X BLACKPINK” ธนาคารกสิกรไทย จํากัด (มหาชน)
    4. ชื่อผลงาน “รวมใจไม่ทิ้่งกัน”
      ธนาคารกสิกรไทย จํากัด (มหาชน)

      ชื่อผลงาน “รวมใจไม่ทิ้่งกัน” ธนาคารกสิกรไทย จํากัด (มหาชน)
    5. ชื่อผลงาน “Truck Tag”
      Mitsubishi Motors (Thailand) Co., Ltd

      ชื่อผลงาน “Truck Tag” Mitsubishi Motors (Thailand) Co., Ltd
Award Category 3 : Innovations & Martech
  • รางวัล Gold Award มี 1 ผลงาน – ไม่มีแคมเปญที่ได้รับรางวัล
  • รางวัล Silver Award มี 1 ผลงาน ที่ได้รับรางวัล
    1. ชื่อผลงาน “เงินติดล้อให้บัตรด้วย”
      Ngern Tid Lor Public Company Limited

      ชื่อผลงาน “เงินติดล้อให้บัตรด้วย” Ngern Tid Lor Public Company Limited
  • รางวัล Bronze Award มี 2 ผลงาน ที่ได้รับรางวัล
    1. ชื่อผลงาน “WIN BACK”
      SB DESIGN SQUARE

      ชื่อผลงาน “WIN BACK” SB DESIGN SQUARE
    2. ชื่อผลงาน “The 1 The Series แอ๊บรัก…ทักค่ะ”
      The 1 – Central Group

      ชื่อผลงาน “The 1 The Series แอ๊บรัก…ทักค่ะ” The 1 – Central Group
Award Category 4 : Sustainable Marketing
  • รางวัล Gold Award มี 1 ผลงาน ที่ได้รับรางวัล
    1. ชื่อผลงาน “ไปรษณีย์ reBOX”
      บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด

      ชื่อผลงาน “ไปรษณีย์ reBOX” บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด
  • รางวัล Silver Award มี 2 ผลงาน ที่ได้รับรางวัล
    1. ชื่อผลงาน “SD Symposium 2020 – Circular Economy : Actions for Sustainable Future”
      Enterprise Brand Management Office, SCG

      ชื่อผลงาน “SD Symposium 2020 – Circular Economy : Actions for Sustainable Future”
      Enterprise Brand Management Office, SCG
    2. ชื่อผลงาน “Paper X แคมเปญ “เก่า แลก ใหม่” เอาใจผู้บริโภคสายรักษ์โลก”
      บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน)

      ชื่อผลงาน “Paper X แคมเปญ “เก่า แลก ใหม่” เอาใจผู้บริโภคสายรักษ์โลก”
      บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน)
  • รางวัล Bronze Award มี 1 ผลงาน ที่ได้รับรางวัล
    1. ชื่อผลงาน “Waste to Wealth”
      บริษัท ผลิตภัณฑ์และวัตถุก่อสร้าง จำกัด

      ชื่อผลงาน “Waste to Wealth” บริษัท ผลิตภัณฑ์และวัตถุก่อสร้าง จำกัด
CMO’s Top Choice Award สุดยอดแคมเปญจากเสียงโหวตของ CMO
  • ชื่อผลงาน “คูโบต้าฟาร์ม – สูตรสำเร็จ เกษตรแห่งอนาคต ผ่านฟาร์มสร้างประสบการณ์”
    บริษัท สยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด

    ชื่อผลงาน “คูโบต้าฟาร์ม – สูตรสำเร็จ เกษตรแห่งอนาคต ผ่านฟาร์มสร้างประสบการณ์” บริษัท สยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด
Grand Prize สุดยอดแคมเปญการตลาดแห่งปี
  • ชื่อผลงาน “Healthiness On The Go.. Sizzler To Go”
    บริษัท เอส แอล อาร์ ที จำกัด (Sizzler)

    ชื่อผลงาน “Healthiness On The Go.. Sizzler To Go” บริษัท เอส แอล อาร์ ที จำกัด (Sizzler)

คณะกรรมการอำนวยการสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย รู้สึกซาบซึ้งและใคร่ขอขอบคุณที่ท่านได้สละเวลาและให้ความสำคัญกับกิจกรรมทางการตลาดที่สมาคมฯ ได้จัดขึ้น ทั้งนี้เพื่อร่วมกันยกย่องผลงานที่สร้างสรรค์ของนักการตลาดไทย และส่งเสริมให้มีมาตรฐานเท่าเทียมกับนานาประเทศ จึงใคร่ขอขอบคุณท่านมา ณ โอกาสนี้


ผู้เขียน
MAT TEAM

สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย

มูลนิธิเพื่อการศึกษาของสมาคมการตลาดฯ
เปิดรับสมัครนักศึกษาทุนต่อเนื่อง ปี2565

2.6k
SHARE
The Future Marketer
ทุนการศึกษา ที่ให้มากกว่าโอกาสทางการศึกษา
เพื่อสร้างนักการตลาดแห่งอนาคต

รับสมัคร จำนวน 12 ทุน ทุนการศึกษาละ 36,000 บาท ต่อปีการศึกษา
พร้อมโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมสัมมนาหลักสูตรต่างๆ ฟรี!
เปิดรับสมัคร วันนี้ – 24 มิถุนายน 2565

สิ่งที่ได้รับ
  • ทุนการศึกษาต่อเนื่อง ทุนละ 36,000 บาท ต่อปีการศึกษา
  • โอกาสฝึกอบรมกับคอร์สของสมาคมการตลาด ฟรี!
  • โอกาสรับคำปรึกษา จากพี่ๆ นักการตลาดยุคใหม่ ที่จะให้คำแนะนำเป็นโค้ชให้คำปรึกษาแก่น้องๆ
  • โอกาสสมัครเข้าฝึกงานด้านการตลาดระหว่างเรียน
  • โอกาสในการสมัครงาน ในองค์กรชั้นนำเมื่อเรียนจบ โอกาสสร้างเน็ตเวิร์คใหม่ๆ เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และต่อยอดทางธุรกิจ
  • ได้พบปะเพื่อนๆ ที่รับทุนปีเดียวกันในงาน Orientation Day 1 ครั้ง
คุณสมบัติผู้สมัคร
  • เกรดเฉลี่ย 2.0 ขึ้นไป
  • กำลังศึกษาอยู่ในระดับปริญญาตรี ในมหาวิทยาลัยรัฐบาล หรือ ราชภัฏ
  • นักศึกษาที่เรียนวิชาที่เกี่ยวข้อง เช่น การตลาด, การตลาดดิจิทัล, การสื่อสารการตลาด, บริหารธุรกิจ, ธุรกิจเพื่อสังคม, นวัตกรรมการค้า, นวัตกรรมและการประกอบการ, นวัตกรรมดิจิทัล ฯลฯ ที่เกี่ยวข้อง
  • ไม่ได้รับทุนจากสถาปันอื่นอยู่ (กู้กยศ.สามารถขอทุนได้)
เอกสารข้อมูลประกอบการคัดเลือก
  • Download ใบสมัคร Microsoft word คลิก / PDF คลิก
  • จดหมายรับรองสถานะการเป็นนักศึกษา และความประพฤติจากมหาวิทยาลัย
  • ผลการเรียน
  • บทความบรรยายประวัติส่วนตัว
  • บทความบรรยายความตั้งใจเป็นนักการตลาด – ตัวอักษรขนาด 16 pt ความยาวเต็ม 1 หน้ากระดาษ A4
ขั้นตอนการสมัครชิงทุน
  • ผู้สมัครส่ง เอกสารข้อมูลประกอบการคัดเลือก มาทางไปรษณีย์ ภายในวันที่ 24 มิ.ย. 2565
    ตามที่อยู่ สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย
    เลขที่ 1168/21 อาคารลุมพินีทาวเวอร์ ชั้น 14 ถนนพระราม 4 แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาธร กรุงเทพมหานคร 10120
  • คณะกรรมการมูลนิธิฯ คัดเลือกและตรวจสอบเช็คประวัติ
  • มูลนิธิฯ ส่งจดหมายแจ้งผลการคัดเลือก และระเบียบปฎิบัติถึงนักศึกษา ผู้ได้รับคัดเลือก** ประกาศผลผู้ได้รับคัดเลือก 12 ทุน ทาง Facebook และเว็บไซต์ ของสมาคมการตลาดฯ วันที่ 25 ก.ค. 2565

ผู้เขียน
MAT TEAM

สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย

Asia Marketing Federation (AMF) Top 10Trends of Marketing in Asia 2022

2.6k
SHARE

 

 

10 เทรนด์การตลาดแห่งเอเชีย ประจำปี 2565

  1. Metaverse Technology

 We want to “live” in the Metaverse.

The metaverse is a digital environment that is created much like virtual worlds in video games today. However, it will exist as an immersive social environment, where people can meet, interact and experience life digitally – without being constrained by physical space.

We believe the metaverse will be the successor to the mobile internet. We’ll be able to feel presence, like we’re right there with people, no matter how far apart or remote we are.

As media landscape further fragments, digital channels multiply. Consumers and providers getting aggressively immersed in Avatars. The pandemic expedited changes during humanity. Now all of us desire to “live” within the digital universe to work, play, stay connected and enjoy anything from concerts to conferences to virtual trips around the world. Metaverse is where multiple elements of technology, including virtual reality, augmented reality and video amalgamates. It’s artificially real and are you ready for it?

  1. Neuro-Linkage

Chip technology, while not new, are becoming increasingly pervasive in our society. Robotics and unmanned systems are now being explored for last-mile delivery, autonomous vehicles (AV) may become the norm, and humans need to get used to interacting with AI.

Looking beyond, human augmented technologies to make humans function better may be the next disruptive technology. Imagine uploading any data and information you want onto a nano or microscopic chip, which is then embedded into any human, animal or device. The recipient can then simply download the data and be equipped with the information and knowledge with the sense of thoughts, or in this case – triggering the chip embedded in the body. With a superchip using cutting edge technology, it aims to convert information obtained from neurons into an understandable binary code in order to achieve greater understanding of brain function and the ability to stimulate these neurons back.

This chip-brain-computer interface may well be the future on the way we learn and adapt.

  1. DAO (Decentralised Autonomous Organisation)

Within the blockchain framework, every like-minded stranger of the community from around the world participate in rules and making decisions autonomously all encoded on a Blockchain without the interferences of a central authority provides transparency, trust, and legitimacy to each transactions – – DAO makes this possible.

Every DAO’s transaction and rules are recorded on a blockchain known as a smart contract. Every single action to edit the rules are noticed and recorded because DAOs are transparent and public. DAO has democratised organisations and transactions, which makes it transparent, affordable and without a central governing body to regulate, dominate or monopolize.

  1. GameFi (Game Finance)

The future of gaming – E-sports and new consumer culture, where gaming technology is promoting social and economic engagement.

The unique circumstances of the COVID-19 pandemic have ushered in a new era in gaming. Virtual, digital experiences are changing the way we connect to one another in gaming worlds and is set to grow and develop even more in 2022.

GameFi is a broad term referring to the trend of gamers earning cryptocurrency through playing video games. Players make money through mechanisms like getting financial tokens for winning battles, establishing kinship, and earning resources in popular games such as Axie Infinity and Aavegotchi. Weaving and blending across multiple platforms, the GameFi ecosystem will be a big force to reckon with in the gaming world and near future.

  1. NFT and Digital Assets

Non-fungible tokens (NFTs) are the latest cryptocurrency phenomenon to go mainstream.

It can be anything from digital art collectibles to digital real estates, verifiable assets that are easy to trade on the blockchain, usually on ETH or other ERC-20 tokens like WAX and Flow.

NFTs are pieces of digital content linked to the block chain. These digital assets cannot be replaced, are unique and not mutually interchangeable, hence Non-fungible. NFTs are traded as straight sales, or sales with loyalty fee for subsequent transactions posed by the genesis creator. NFTs on blockchain is proof of work, proof of authenticity and proof of ownership.

The next big trend in 2022 and beyond will be how NFTs will be the currency and future of authenticity, ownership and assets.

  1. Space Tourism

Space tourism hits an important milestone this year when the first batch of tourists were sent to space, marking the beginning of commercialised spaceflight and the dawn of space tourism.

As space tourism expands and the costs continue to drop, mankind can look forward to space travel, staying in travel pods and orbiting in space as part of our next travel itinerary. Besides enjoying the thrill of weightlessness and marvelling at the expansive vistas, anyone who has gone to space is bound to return with a profound life-changing experience.

As private ventures continue to demonstrate the viability of the near-Earth space tourism businesses, space tourism is also set to create new job opportunities. Beyond the core professions that include astronauts, rocket engineers, guides and travel agents, new roles like food engineers, architects, space lawyers and doctors may open fresh career opportunities for the new generation.

  1. Web3.0 – Trust Less

WEB3.0 is the beacon of hope for preserving liberal democracy.

WEB3.0 breaks the world free of monopolistic control. Its decentralized online ecosystem based on the blockchain will never be owned by a central gatekeeper but rather by the community of users who earn ownership stake by helping to develop and maintain these services

WEB1.0 was the era of decentralized, open protocols, in which most online activity involved navigating to individual static webpages. WEB2.0, on the other hand is all about centralization, everything from communication and commerce took place on closed platform dominated by only a few super-powerful companies like Microsoft, Google, Facebook and Amazon, where government control of such platform are literally nonexistence.

WEB3.0 respects your privacy and is fast moving from arbitrary authorities into a much more rationally based liberal models

  1. Immersive Buy Journey

Companies are investing millions in enhancing UI (User Interface) to understand, induce and improve UX (User experience).

The synergistic convergence of cloud computing, deep machine learning, cybersecurity, artificial intelligence, big data analytics, robotics, IoT, virtual reality, augmented reality, space sensing, advanced connectivity like 5G, additive manufacturing and mobility will greatly transform and multiple capabilities that will greatly impact every element of society. Green rooms and studios in shopping malls are changing the retail landscape and consumer behaviour, where shoppers can use green screen tech to try on merchandise, view holographic messages and product information and much more.

Experience-based technology like artificial intelligence, deep machine learning, augmented reality and virtual reality have transformed, understood, processed and influenced buyer’s decision to induce completion of the buy journey. This trend will continue in 2022 as online companies target to capture an even bigger slice of the online market place.

  1. 3rd Dimension Mobility

Taking Mobility into the Third Dimension and the journey to autonomous flight.

Many are now looking to the sky — the third dimension — for new kinds of mobility. Autonomous flying vehicles, such as cargo drones and flying taxis, have the capacity to disrupt how we move goods and passengers around urban space.

Mobility in the third dimension is needed to solve two of the most pressing transportation issues in cities today: increasing congestion as greater numbers of people move into urban areas and sustainability. To meet the demands of modern living, and the aim of taking traffic into the third dimension, transport connections must be more seamless. We need to make it easier for people living in rural areas to commute to work, to reduce travel times within cities and deliver a superlative passenger experience. Vital supplies such as medicine and food need an easier route to delivery. 3rd dimension mobility changes the shape and nature of traffic in a congested world, delivering innovative and dynamic mobility solutions to the smart cities of the future.

  1. Generative Artificial Intelligence 

The ability to produce totally new product and new knowledge by using data from deep machine learning and artificial intelligence journey is known as Generative Artificial Intelligence.

Such capability has grown ten-fold since 2018.  Its core capability in four key areas spells vast potential.

  • Quasi life-like images and modes where it not only mimic human facial expressions, it display human emotions.
  • Sequence to sequence GAI gives rise to the concept of real-time multilingual robotic response.
  • Supported by hundreds of millions of images, GAI shave off value time and money at accurately recognizing objectives and images based on deep learning algorithms.
  • GAI pools disparate data points to generate artificial images that accurately resembles human face, smart machine learning program that can train for handwriting and text sequences that resembles text recognition produced by human hands.

This technology translates to the future of digital passports – where applied with smart facial, iris, voice recognition allowing travellers to move across borders and countries seamlessly, safely and with efficiency.

 

 

ขอขอบคุณสำหรับการเผยแพร่ข่าวและหากต้องการขอข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ
สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย โทร 02 – 679 7360 – 3
ม.ร.ว. สุทธิภาณี ยุคล (หญิงนุ่น) 099 – 979 2963
หรือ จิราภรณ์ พึ่งสัตย์ (จิ๊บ) 085-1994991

Tags:

ผู้เขียน
MAT TEAM

สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย

สมาคมการตลาดแห่งประเทศจับมือแบรนด์ดัง ร่วมสร้างนักการตลาดรุ่นเยาว์

2.6k
SHARE

สมาคมการตลาดแห่งประเทศร่วมมือกับแบรนด์ดังอย่างบริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน), บริษัท แจ๊กเจีย อุตสาหกรรม (ไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัท POSSEFY GROUP CO.,LTD, บริษัท ลีโอ เมดดิคอล จำกัด, บริษัท ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน), บริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัท ไทยสมุทรประกันชีวิต (จำกัด) มหาชน, บริษัท ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน), บริษัท ทีเอ็นพี เฮลท์แคร์ จำกัด สนับสนุนชมรมยุวสมาชิกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย หรือ J-MAT ในการจัดโครงการ อบรมพิเศษนักการตลาดรุ่นเยาว์ หรือ Marketing Trainee ครั้งที่ 34 ภายใต้หัวข้อ “Complete the puzzle to unlock Marketer skills”

โครงการที่เปิดโอกาสให้นิสิตนักศึกษาที่กำลังจะจบการศึกษา ได้เข้าร่วมเรียนรู้ทักษะและวิธีการทำงานของนักการตลาดผ่านการอบรมทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติแบบเข้มข้นและเจาะลึก ตลอดระยะเวลา 2 เดือน เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมก่อนก้าวสู่โลกการทำงานจริง โดยมีนิสิต นักศึกษา ที่เข้าร่วมโครงการเป็นจำนวน 86 คน จาก 21 สถาบันทั่วประเทศ

โดยนอกจากเนื้อหาการอบรมที่เข้มข้นแล้วทางโครงการได้รับเกียรติจาก แบรนด์ผู้สนับสนุนหลักในการกำหนดโจทย์แผนการตลาด พร้อมให้คำปรึกษาแก่เหล่านิสิต นักศึกษาในระหว่างการทำแผน รวมถึงประเมินผลและให้คำแนะนำต่างๆอย่างใกล้ชิด เพื่อฝึกให้ผู้เข้าร่วมโครงการได้นำความรู้ในการอบรมมาประยุกต์ใช้และ ฝึกการทำงานเป็นทีม เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการทำงานจริงในอนาคต

อีกทั้งภายในงานวันมอบวุฒิบัตร ทีม HR Recruitment ของแบรนด์ผู้สนับสนุนหลักในโครงการ Marketing Trainee ครั้งที่ 34 นี้ได้จัดกิจกรรมและออกบูธเพื่อให้ข้อมูลกับผู้เข้าร่วมที่สนใจร่วมงานในตำ แหน่งด้านการตลาดของบริษัทฯ อีกด้วย

สุดท้ายนี้ทางชมรมยุวสมาชิกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย หรือ J-MAT ต้องขอขอบคุณผู้เข้าร่วมโครงการ ผู้สนับสนุน และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในโครงการจัดอบรมพิเศษนักการตลาดรุ่นเยาว์ หรือ Marketing Trainee ครั้งที่ 34 ในครั้งนี้เป็นอย่างสูง ทางเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการนี้จะสามารถพัฒนานักการตลาดรุ่นเยาว์ให้พร้อมก้าวสู่โลกแห่งการทำงานจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทางผู้จัดงานจะนำทุก ๆ ความคิดเห็นที่ได้รับไปปรับใช้และพัฒนาโครงการให้ดียิ่งขึ้นในอนาคต


ผู้เขียน
MAT TEAM

สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย

พิธีประกาศผลการตัดสิน และมอบรางวัล
“J-MAT Award ครั้งที่ 30”

2.6k
SHARE

สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย ร่วมกับ บริษัท บิ๊กสตาร์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรองเท้าแบรนด์แกมโบล (GAMBOL) จัดพิธีประกาศผลการตัดสินและมอบรางวัล โครงการประกวดแผนการตลาด “J-MAT Award ครั้งที่ 30” ชิงโล่พระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมเกียรติบัตร และทุนการศึกษามูลค่ารวมกว่า 500,000 บาท ภายใต้หัวข้อ “เดิน…เฟี้ยว ไอเดีย…ฟ้าว” เพื่อเป็นเวทีสร้างโอกาสและประสบการณ์ ให้นิสิตนักศึกษาได้วางแผนการตลาดแบบครบวงจรทั้งมุมมองด้าน กลยุทธ์และความคิดสร้างสรรค์

วันที่ 16 พฤศจิกายน 2564 – กรุงเทพมหานครฯ : อนุวัตร เฉลิมไชย นายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย และ นิติ กิจกำจาย ผู้บริหาร บริษัท บิ๊กสตาร์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรองเท้าแบรนด์แกมโบล (GAMBOL) ร่วมจัดงานประกาศผลการตัดสิน และ มอบรางวัลโครงการประกวดแผนการตลาด “J-MAT Award ครั้งที่ 30” ชิงโล่พระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ณ ห้องออดิทอเรียม ศูนย์ประชุม ซี อาเซียน ชั้น 10 อาคารซีดับเบิ้ลยูทาวเวอร์ ถนน รัชดาภิเษก โดยมีแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมงาน คือ ชาคริต ดิเรกวัฒนชัย อุปนายกฝ่ายกิจกรรมและประชาสัมพันธ์ สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย ม.ร.ว. สุทธิภาณี ยุคล ผู้อำนวยการบริหาร สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย และ ศักดิ์ดา โตรื่น ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท บิ๊กสตาร์ จำกัด

โดยมีรายชื่อทีมที่ได้รับรางวัลดังต่อไปนี้
  • รางวัลชนะเลิศ ได้รับโล่พระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมเกียรติบัตร และ ทุนการศึกษา 130,000 บาท ได้แก่
    • ทีม ขอแตะหน่อย จาก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
  • รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้รับเกียรติบัตร พร้อมทุนการศึกษา 70,000 บาท ได้แก่
    • ทีม Gambol Goal Around จาก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  • รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้รับเกียรติบัตร พร้อมทุนการศึกษา 55,000 บาท ได้แก่
    • ทีม GOALBAAM จาก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  • รางวัลชมเชย 4 รางวัล ได้รับเกียรติบัตร พร้อมทุนการศึกษา 40,000 บาท ได้แก่
    • ทีม อย่างสีเหลือง จาก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
    • ทีม เบื่อแล้วหวานเย็น อยากเป็นหวานใจ จาก มหาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
    • ทีม ก้าวแรกไม่เป็นไร ก้าวต่อไปทาเคชิ จาก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
    • ทีม ใส่แกมโบล โก้จริงๆ จาก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  • รางวัล The Best Idea ได้รับทุนการศึกษา 30,000 บาท
    • ทีม อย่างสีเหลือง จาก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  • รางวัล Creative Award ได้รับทุนการศึกษา 10,000 บาท ได้แก่
    • ทีม ขอแตะหน่อย จาก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
  • รางวัล The Best Support ได้รับทุนการศึกษา 30,000 บาท
    • คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
  • และรางวัลสำหรับอาจารย์ที่ปรึกษาทีมชนะเลิศ 20,000 บาท
    • อาจารย์ พรรณวดี ประยงค์ จาก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

1. ม.ร.ว.สุทธิภาณี ยุคล ผู้อำนวยการบริหาร สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย
2. คุณชาคริต ดิเรกวัฒนชัย ประธานฝ่ายกิจกรรม และประชาสัมพันธ์ สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย
3. คุณอนุวัตร เฉลิมไชย นายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย
4. คุณนิติ กิจกำจาย ผู้บริหาร บริษัท บิ๊กสตาร์ จำกัด (GAMBOL)
5. คุณศักดิ์ดา โตรื่น ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท บิ๊กสตาร์ จำกัด (GAMBOL)

ทีมชนะเลิศ โครงการประกวดแผนการตลาด J-MAT Award ครั้งที่ 30 ทีม ขอแตะหน่อย จาก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ติดตามรายละเอียดข่าวสารและสอบถามโครงการได้ที่:
• www.marketingthai.or.th
• Facebook: J-MAT
• Instagram: jmat_official
• Line : @dsk4040u (มี@นำหน้า)
• ติดต่อสอบถาม สมาคมการตลาดฯ : คุณช่วง โทร. 095-952-4453

Tags:

ผู้เขียน
MAT TEAM

สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย

แบรนด์ต้องปรับ เมื่อผู้บริโภคเปลี่ยน มารักตัวเอง พร้อมๆ ไปกับรักษ์โลก

2.6k
SHARE

จากสภาพอากาศที่ดูเหมือนจะแย่ลงเรื่อยๆ พร้อมกับโรคระบาดที่เปลี่ยนแปลงชีวิตความเป็นอยู่ของทุกคนทั่วโลก เป็นตัวกระตุ้นทำให้ผู้บริโภคหันมาใส่ใจเรื่องความยั่งยืนและการดูแลสิ่งแวดล้อมเพิ่มสูงขึ้น ผู้บริโภคมากถึง 75% เคยตัดสินใจซื้อสินค้าเพราะแบรนด์ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม ถึงแม้จะต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้นก็ตาม

ผู้บริโภคยังเชื่อในพลังของตัวเองในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวิกฤติเช่นนี้

จากการติดตามฟังเสียงผู้บริโภคผ่าน Social Listening Tool ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ของบริษัท อินเทจ (ประเทศไทย) ทำให้เห็นว่า มีผู้บริโภคจำนวนมากพูดถึง และแสดงความเป็นห่วงเรื่อง ปริมาณขยะ ไม่ว่าจะเป็นกล่องโฟม ถุงพลาสติก ที่มาพร้อมกับการเติบโตของฟู้ดเดลิเวอรี่ โดยใน 3 เดือนนี้ มีคนพูดถึงประเด็นนี้ มากกว่าสองพันข้อความ ซึ่งสามารถสรุปออกมาเป็นข้อหัว และประเด็น ดังนี้

61% มองว่า การลดใช้ถุงพลาสติกให้เริ่มจากที่ตัวเราเองก็ช่วยได้: หลายๆ คนมองว่าการเริ่มจากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ใกล้ตัว ก็สามารถช่วยได้ เช่น การพกถุงผ้า, การใช้แก้วน้ำพกพามาใช้ แทนการซื้อขวดน้ำพลาสติก, การนำกล่องใส่อาหารมาใช้แทนเวลาไปสั่งข้าว, การนำพลาสติกมาใช้ซ้ำ หรือแม้แต่ร้านขายของออนไลน์ ก็ยังมีการปรับตัวในเรื่อง การลดพลาสติก แล้วหันมาใช้ กระดาษเพื่อช่วยในเรื่องกันกระแทกสินค้าแทน

12% มีการพูดถึง Design Packaging ของสินค้าทั้งในและต่างประเทศ ได้แก่ การเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์เพื่อเลี่ยงการใช้พลาสติกและใช้เท่าที่จำเป็น เช่น ที่ประเทศเกาหลีใต้ มีการวางขายขวดน้ำแบบไม่มีฉลาก และยังมีการเปลี่ยนจากขวดน้ำเป็นกระป๋องอะลูมิเนียม

หรือตัวอย่างอื่นๆ เช่น การดีไซน์กระป๋องเบียร์โคโรน่าในประเทศเม็กซิโก ถูกออกแบบให้หมุนซ้อนต่อกันได้ถึง 10 กระป๋อง ช่วยลดการใช้ถุงพลาสติก ก็มีคนให้ความสนใจจนทำให้เกิดยอด Retweet สูงถึง 29,733 Retweet (33,584 Engagement)

แบรนด์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปนิชชิน ก็ประกาศเลิกใส่สติกเกอร์แปะฝาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เพื่อลดขยะพลาสติก แล้วเปลี่ยนเป็นฝาแบบมีส่วนยื่นมา 2 อัน ให้เหน็บขอบถ้วยแทนก็ได้รับความสนใจเช่นกัน นอกจากจะช่วยลดพลาสติกแล้วยังทำฝาด้านในออกมาเป็นรูปแมว น่ารักๆ อีกด้วย

นอกจากนี้ ยังมีการออกผลิตภัณฑ์ในรูปแบบใหม่ เช่น แชมพูบาร์ก้อน ที่ไม่ต้องมีการใช้บรรจุภัณฑ์ ที่เป็นพลาสติก อีกด้วย

11% มองว่าการลดใช้ถุงพลาสติกช่วยแก้ปัญหาไม่ได้ มีการแสดงคิดเห็นว่า มันเป็นเรื่องของการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เพราะคือการผลักภาระมาให้กับผู้บริโภคหรือภาคครัวเรือน ที่จะต้องมาปรับตัว และอีก 11% ก็มองว่ารัฐ ควรออกนโยบาย หรือมีบทบาทในการขับเคลื่อนที่เป็นรูปธรรม ควรเปลี่ยนที่ตัวระบบการจัดการ กฎหมายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมต่างๆ เพราะจะทำให้การลดใช้ถุงพลาสติกเห็นผลมากขึ้น

3% มีการพูดถึงเรื่องหาวัสดุธรรมชาติมาทดแทนการใช้ถุงพลาสติก เช่น การใช้กล่องข้าวแบบชานอ้อย, การใช้กระดาษที่สามารถย่อยสลายได้ง่ายอย่าง Tetra Pak ที่ผลิตจากกระดาษเป็นหลักและรีไซเคิลได้ ไม่เพียงส่งผลดีต่อผู้บริโภคเท่านั้น ยังรวมถึงส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมด้วย

แล้วยังมีการออก Product ใหม่ๆ เช่น Eternal Calendar ปฏิทินเซรามิกที่ใช้ซ้ำได้ตลอดกาล คือผลงานจากแบรนด์ mamo ซึ่งตั้งใจอยากให้ใช้เซรามิกเพื่อช่วยลดการใช้พลาสติก นอกจากนี้ยังมี การใช้ผักตบชวาแห้งมากันกระแทกในกล่องพัสดุ อีกด้วย

เมื่อผู้บริโภคเปลี่ยน แบรนด์ก็ต้องปรับ ให้เกิด Win-Win-Win = ผู้บริโภคได้-แบรนด์ได้-โลกได้ ดังตัวอย่างแคมเปญของ Café Amazon ที่นับว่าประสบความสำเร็จกันจนเกินความคาดหมาย ตั้งแต่วันที่แบรนด์ประกาศว่า จะแจกแก้วน้ำพลาสติก Reusable Cup 5 สีตามวัน ซึ่งเป็นวิถีชีวิตเฉพาะของคนไทย ทำให้เกิดปรากฏการณ์ การเข้าแถวคิวยาวทะลุไปนอกร้านทั้ง 5 วัน และกลายเป็นกระแสฮอตติดเทรนด์โซเชียลอย่างทวิตเตอร์ ภายในข้ามคืนเลยทีเดียว

ที่ทำให้บรรดาแฟนคลับและสายสะสมของ Café Amazon ตามล่าสะสมให้ครบทุกสี กับ Limited Edition นี้ ต้องรีบเข้าร้าน Café Amazon ทุกเช้า เพื่อให้ได้แก้วครบทั้งห้าสีกันไปเลย และที่ท้าทายกว่านั้นคือ มีกรณีที่ลูกค้าอยากได้สีที่ต้องการ แต่สีนั้นอาจไม่ได้ขายในวันนั้นๆ ทำให้ลูกค้าได้ลุ้นเหมือนมาเล่นเกมด้วย นับว่าเป็นแคมเปญสร้างสีสัน ให้ทั้งผู้บริโภคที่เต็มไปด้วยความเบื่อหน่ายและความเครียดกับภัยโควิด และสร้างสีสันให้กับแบรนด์ ที่มาพร้อมกับ Message รักษ์โลก นับว่าเป็นตัวอย่างแคมเปญ Win-Win-Win ได้ดีทีเดียว

บทความโดย INTAGE (Thailand) Co., Ltd.

Tags:

ผู้เขียน
INTAGE (Thailand)

INTAGE (Thailand) Co., Ltd.

งานชี้แจงโจทย์ J-MAT Award#30

2.6k
SHARE
สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย ร่วมกับ
บริษัท บิ๊กสตาร์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรองเท้าแบรนด์แกมโบล (GAMBOL)
จัดพิธีเปิดโครงการประกวดแผนการตลาด J-MAT Award ครั้งที่ 30 พร้อมชี้แจงโจทย์

สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย โดยชมรมยุวสมาชิกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย หรือ J-MAT ร่วมกับ บริษัท บิ๊กสตาร์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรองเท้าแบรนด์แกมโบล (GAMBOL) จัดงานเปิดโครงการประกวดแผนการตลาด J-MAT Award ครั้งที่ 30 เพื่อชิงโล่พระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมทุนการศึกษามูลค่ารวมทั้งสิ้น กว่า 500,000 บาท พร้อมชี้แจงโจทย์ และรายละเอียดการทำแผนการตลาด ภายใต้หัวข้อ “เดิน..เฟี้ยว ไอเดีย..ฟ้าว” ในรูปแบบอีเว้นต์เสมือนจริง (Virtual Event) ในวันพุธที่ 1 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา

มีนิสิต นักศึกษา และคณาจารย์ เข้าร่วมงานรวมกว่า 800 คน จาก 55 สถาบันทั่วประเทศ โดยมี คุณอนุวัตร เฉลิมไชย นายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย และ คุณนิติ กิจกำจาย ผู้บริหาร บริษัท บิ๊กสตาร์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรองเท้าแบรนด์แกมโบล(GAMBOL) เป็นประธานกล่าวเปิดงานและกล่าวต้อนรับ

(ซ้าย) คุณนิติ กิจกำจาย ผู้บริหาร บริษัท บิ๊กสตาร์ จำกัด (GAMBOL), (ขวา) คุณอนุวัตร เฉลิมไชย นายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย

โครงการประกวดแผนการตลาด J-MAT Award เป็นโครงการที่สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย ได้ริเริ่มขึ้นเพื่อส่งเสริมให้นิสิต นักศึกษาได้นำความรู้ที่ได้ศึกษาในห้องเรียนมาลองปรับใช้กับโจทย์และสถานการณ์ทางการตลาดจริง เป็นการฝึกคิด วิเคราะห์ และประมวลผลเพื่อนำเสนออย่างสร้างสรรค์ พร้อมฝึกการทำงานร่วมกันเป็นทีมก่อนที่จะออกสู่สนามการทำงานจริง

โครงการประกวดแผนการตลาด J-MAT Award ครั้งที่ 30 นี้ มีช่วงเวลาดำเนินการ ดังนี้

● เปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม – 12 กันยายน 2564
● ปิดรับส่งผลงาน ภายในวันจันทร์ที่ 27 กันยายน 2564
● ประกาศผล 50 ทีม ในวันศุกร์ ที่ 15 ตุลาคม 2564
● ประกาศผล 24 ทีม ในวันศุกร์ที่ 22 ตุลาคม 2564
● ประกาศผู้เข้ารอบ 7 ทีมในวันอังคารที่ 2 พฤศจิกายน 2564
● นำเสนอผลงานผู้เข้ารอบ 7 ทีมสุดท้าย ในวันพฤหัสบดีที่ 11 พฤศจิกายน 2564
● พิธีประกาศผล/มอบรางวัล ในวันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน 2564

ติดตามรายละเอียดและข่าวสารโครงการได้ทาง

Website : J-MAT Award #30
Facebook : J-MAT
Instagram : jmat_official


ผู้เขียน
MAT TEAM

สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย

Collaboration Marketing กลยุทธ์ความร่วมมือ Win-Win ทั้งผู้บริโภคและเจ้าของแบรนด์

2.6k
SHARE
What is Collaboration Marketing ?

การทำ Collaboration Marketing คือ การผนวกกำลังของธุรกิจที่มีวัตถุประสงค์ร่วมกัน มีเป้าหมายเดียวกันที่อยากขยาย Brand Exposure ขยายฐานลูกค้า และรักษา Momentum ของแบรนด์ อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าทุกแบรนด์สามารถ Collaborate กันได้ ต้องเป็นแบรนด์ที่มี Common Purpose ไม่ว่าจะเป็นความสนใจของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ทั้งกลุ่มลูกค้าเดิมและกลุ่มลูกค้าใหม่ บุคลิกและเรื่องราวของแบรนด์ทั้งสอง


Start with Clear Objectives

การมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน จะทำให้การเลือกพันธมิตรได้ง่ายขึ้น ด้วยวัตถุประสงค์หลักๆ ในการทำ Collaboration Marketing คือ

  1. Penetration/ Reach การขยายฐานลูกค้า การเข้าถึงกลุ่มลูกค้าของอีกแบรนด์ หรือ การดึงความสนใจให้ลอง ของกลุ่มลูกค้าใหม่ ของทั้งสองแบรนด์
  2. Frequency/ Occasion การขยายโอกาส หรือ ความถี่บ่อย ในการบริโภคสินค้า ของกลุ่มลูกค้าเดิม
  3. Brand Image/ Momentum การเสริมภาพลักษณ์ หรือการสร้างความเคลื่อนไหวให้กับแบรนด์
  4. CRM เป็นแคมเปญทางการตลาดเพื่อเป็นรางวัลให้กับลูกค้าปัจจุบัน

ในฉบับนี้ ทางบริษัท อินเทจ ประเทศไทย ขอแชร์ตัวอย่าง การร่วมมือกันของ 2 แบรนด์ที่สร้างเสียงฮือฮาให้กับผู้บริโภคได้อย่างดีในเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา โดยการเก็บข้อมูลผ่าน Social Listening


Case Study 1: SAPPE x TAKABB
ขยายฐานลูกค้าและโอกาสในการบริโภค

คือแบรนด์ ที่ผู้บริโภคไทยคุ้นเคย และเคยทานกันมาแล้วอย่างแน่นอน เพราะ เป็นแบรนด์ที่อยู่มานาน นั่นคือ “ตะขาบ 5 ตัว” ที่มากับธีม ยุคเปลี่ยน คนเปลี่ยน ตะขาบไม่เปลี่ยน เปิดตัว SAPPE x TAKABB เครื่องดื่มน้ำสมุนไพรบรรจุขวด รุกตลาด Herbal Drink โดยเริ่มจากการสื่อสารทำให้คนมีส่วนร่วม และอยากติดตามว่าจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อยาอมแก้ไอจะผนึกกำลังกับเครื่องดื่มและอาหารเพื่อสุขภาพ และโฆษณาที่สร้างความสงสัยให้ผู้บริโภค ชายคนนี้ตกเป็นผู้สงสัยของทุกคนเพราะ…

เรียกว่าสร้างความสนใจ ให้ทั้งผู้บริโภคและวงการนักการตลาด ได้เป็นอย่างดี เมื่อแบรนด์ในตำนาน ขยายทั้งฐานลูกค้าไปยังกลุ่ม Gen Y และ Gen Z และโอกาสในการบริโภค “ตะขาบ 5 ตัว” จากการที่เป็นยาอมบรรเทาอาการระคายคอ มาเป็นเครื่องดื่มสมุนไพร ที่เข้าถึงง่าย ดื่มง่าย ให้ความสดชื่น เย็นชุ่มคอ จากสมุนไพรหลากหลายชนิด


Case Study 2: ทิวลี่ x โอวัลติน (Tivoli x Ovaltine)
เสริมความเคลื่อนไหวให้กับแบรนด์

อีกแบรนด์อันดับต้นๆ ของไทยด้านขนมเวเฟอร์ ที่เราทานกันมาตั้งแต่เด็กๆ ได้มาร่วมมือกับแบรนด์ เครื่องดื่มมอลต์สกัดรสช็อกโกแลตอย่าง “โอวัลติน” กลายเป็น “ทิวลี่ x โอวัลติน” (Tivoli x Ovaltine) รสชาติใหม่ เวเฟอร์สอดไส้โอวัลตินช็อกมอลต์และเฟลค เคลือบช็อกโกแลต เพื่อสร้างความแตกต่าง และตอบสนองความต้องการให้กับผู้บริโภคทั้งกลุ่มเด็ก วัยรุ่น คนรุ่นใหม่ ซึ่งงานนี้ก็ได้เปิดตัวพร้อมกับ พรีเซ็นเตอร์ที่กำลังเป็นที่นิยมสำหรับคนรุ่นใหม่อย่าง คุณ “ไอซ์ พาริส” ศิลปินไอดอล เพื่อต่อยอดให้ทั้งสองแบรนด์มีความแข็งแกร่งสู้กับคู่แข่งในตลาดได้มากยิ่งขึ้น


Case Study 3: ปีโป้ x M-150
เสริมภาพลักษณ์ และสร้าง Emotional Connection

Case สุดท้ายที่จะพูดถึงในฉบับนี้คือการ Collaborate ข้ามกลุ่มลูกค้าของ ปีโป้ และแบรนด์เครื่องดื่มชูกำลัง M-150 ออกมาเป็นปีโป้กลิ่น M-150 ทดลองวางขายใน Shopee

ซึ่งทางอินเทจมองว่า ปีโป้ ไม่ได้ทำ เพื่อการขยายฐานลูกค้า ดึงคนที่ดื่มเครื่องดื่มชูกำลัง ให้มาทานปีโป้รสนี้ แต่เป็นการสร้างความเคลื่อนไหวให้กับฐานลูกค้าปัจจุบัน ที่เป็นกลุ่มเด็กและวัยรุ่น ในขณะที่ทาง M-150 ก็ได้ภาพลักษณ์ที่สดใสขึ้น เข้าถึงคนรุ่นใหม่มากขึ้น นับว่าเป็นการสร้าง Emotional Value ให้กับทั้ง 2 แบรนด์


Current vs. New Customers
ขยายฐานลูกค้าใหม่ อย่ามองข้าม ลูกค้าเก่า

โดยส่วนใหญ่ แบรนด์จับมือกันเพื่อต้องการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่เกิดจากความเชี่ยวชาญชำนาญของแต่ละแบรนด์ มาต่อยอดซึ่งกันและกัน เพื่อขยายฐานลูกค้า ซึ่งอาจจะเป็นลูกค้าของอีกแบรนด์อยู่แล้ว หรือเป็นลูกค้าใหม่ของทั้ง 2 แบรนด์เลยก็ได้ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องระมัดระวังเป็นอย่างมากคือ แบรนด์ที่เราจะไป Collaborate ด้วย ต้องไม่เป็นแบรนด์ที่ลูกค้าปัจจุบันไม่ชื่นชอบ เพราะนอกจากจะไม่ได้ลูกค้าใหม่แล้ว อาจจะเสียลูกค้าเก่าได้ทีเดียว

Communication
แสดงให้เห็น Value ของการ Collab

นอกจากการกำหนดวัตถุประสงค์ในการทำแล้ว อีกหนึ่ง Success Factor ในการทำ Collaboration Marketing คือ การสื่อสารให้เห็น Value ของการทำพันธมิตรว่า ผู้บริโภคจะได้ประโยชน์อะไร เช่น ผู้บริโภคได้ลองทานรสใหม่ๆ ได้ Outcome Benefits ที่ดีขึ้น ได้ช่องทางการซื้อที่หลากหลายขึ้น ซึ่งการสื่อสารทำได้ผ่านทั้งโฆษณาในสื่อต่างๆ การสื่อสารบนบรรจุภัณฑ์ รวมถึงในช่องทางการขายด้วย

นอกจากนี้การฟังเสียง Feedback ของผู้บริโภคใน Social Listening หรือการสอบถามกับผู้บริโภค ทั้งกลุ่มที่ได้ทดลองผลิตภัณฑ์ใหม่แล้ว และ กลุ่มที่ยังไม่ได้ทดลอง ว่ามีความรู้สึกอย่างไร ชอบไม่ชอบอย่างไร เพื่อเป็นการปรับปรุงและเก็บข้อมูลสำหรับการทำ Collaboration Marketing ในอนาคตด้วย

4C – Key Success Factors

สรุป 4C ที่นักการตลาดต้องคำนึงถึงในการทำ Collaboration Marketing คือ

Clear Objectives/ Goal
เป้าหมายทางการตลาด ว่าทำเพื่ออะไร – Penetration, Occasion, CRM หรือ Image

Common/ Shared Purposes
ของทั้ง 2 แบรนด์ว่าไม่มีอะไรขัดกัน จนผู้บริโภคขัดตา หรือตั้งคำถามว่าพวกเขาจะได้อะไร

Customer Focus – Current vs New Customer
ข้อควรระวังมากๆ ในการทำ Collaboration คือ ความรู้สึกของลูกค้าปัจจุบัน โดยเฉพาะเวลาที่แบรนด์ทำการ Collaborate กับอีกแบรนด์ที่มีฐานลูกค้า และประโยชน์ของสินค้าแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

Communication
ทั้งก่อน ระหว่าง และ หลังการออกสินค้า เพื่อบริหารความคาดหวังของผู้บริโภค – Manage before being managed!

บทความโดย INTAGE (Thailand) Co., Ltd.


ผู้เขียน
INTAGE (Thailand)

INTAGE (Thailand) Co., Ltd.

MAT CMO Council แนะ 10 Re ช่วยนักการตลาดสู้โควิด

2.6k
SHARE
สมาคมการตลาดฯระดมกว่า 55 CMO และผู้บริหารระดับสูงของไทย
ร่วมระดมสมองออนไลน์ Unlock the Lockdown… แนะ 10 Re ช่วยนักการตลาดสู้โควิด

จากวิกฤติการณ์โควิด-19 ระลอกสามนี้ องค์กร เจ้าของธุรกิจ นักการตลาด รวมถึงบุคคลทั่วไปต่างต้องปรับตัวและหาวิธีในการรับมือกับสถานการณ์ ในโอกาสครบรอบ 55 ปี สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย ระดมกว่า 55 CMO (Chief Marketing Officer) และผู้บริหารระดับสูง ร่วมเสวนาสัมมนาออนไลน์ภายใต้หัวข้อ “Unlock the Lockdown… นักการตลาดทำอะไรกันดี?!!” เพื่อร่วมพูดคุย ปลดล็อค แบ่งปันการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง รวมถึงแนะนำวิธีการ ไอเดียในการทำการตลาดใหม่ๆ ที่จะช่วยพัฒนาองค์กรและบุคลากรให้มีการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนภายใต้วิกฤตการณ์โควิด-19

ในวันงาน นายอนุวัตร เฉลิมไชย นายกสมาคมการตลาดฯ ได้กล่าวว่า “MAT CMO Council มีจุดประสงค์ในการสร้างเครือข่ายของผู้บริหารระดับสูงและนักการตลาดระดับแนวหน้าของประเทศ เพื่อต่อยอดประสบการณ์และเสริมพลังด้านการตลาดของประเทศไทย โดยจำนวนสมาชิก MAT CMO Council นี้ ได้มีจำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้นถึงกว่า 100 ท่าน และเนื่องด้วยสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำให้ไม่สามารถจัดงานแบบปกติ Face-to-Face ได้ จึงเป็นที่มาของการจัดสัมมนา Exclusive Online Forum ในครั้งนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกท่านได้ร่วมพูดคุยและแชร์ประสบการณ์ พร้อมส่งต่อคำแนะนำให้กับภาคธุรกิจอื่นๆ และยังเป็นการร่วมแรงร่วมใจกันฝ่าฟันความยากลำบากในวิกฤติการณ์ครั้งนี้” ทางสมาคมฯได้รับเกียรติจาก ดร.สมชาติ วิศิษฐชัยชาญ คุณสุภาวดี ตันติยานนท์ และผศ. ดร.เอกก์ ภทรธนกุล มาร่วมดำเนินรายการชวนผู้ร่วมงานพูดคุยและแชร์ประสบการณ์ภายใต้ 2 หัวข้อ คือ

WHAT – อุปสรรค Key Challenge และ Key Learning ที่เผชิญอยู่ในปัจจุบัน

ทางสมาคมฯได้ส่งแบบสอบถามไปให้ CMO และผู้บริหาร รวมถึงสมาชิกของสมาคมฯเอง พบว่าในส่วนของ CMO และผู้บริหารนั้น เกือบทุกองค์กรต้องมีการปรับแผนธุรกิจใหม่ มีการทำ Digital Transformation เน้นออนไลน์มากยิ่งขึ้น รวมถึงการรักษา Team Spirit และ Reskill บุคลากรในองค์กร ในส่วนของสมาชิก พบว่ามีความกังวลในเรื่องของสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน กำลังซื้อในตลาดที่ลดลง รวมถึงความรู้ที่คิดว่าต้องพัฒนาต่อไป

ดร.ดั่งใจถวิล อนันตชัย COO & MD บริษัท อินเทจ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ปัจจุบัน พฤติกรรมของผู้บริโภคได้เปลี่ยนไปจากเดิมมาก จาก Consumer เป็น Prosumer มีตัวเลือกเยอะ มีความระมัดระวังในการจับจ่ายมากขึ้นเพราะความไม่แน่นอนในสถานการณ์โควิด-19 การเลือกแบรนด์นอกจากเรื่องประโยชน์ของตัวสินค้า ยังเลือกแบรนด์ที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม เป็นยุคของ Responsible Marketing ที่ไม่ควร Focus เพียงนึกถึงผู้บริโภคว่าเป็น Customer ที่เราจะขายของให้เขาซื้อเราเท่านั้น แต่ต้องนึกถึงเขาในมุม Human Centric ว่าแบรนด์เราจะแก้ปัญหา Pain Point เขาอย่างไร ช่วยทำให้ชีวิตเขาดีขึ้น รู้สึกดีขึ้นต่อตัวเองอย่างไร และสิ่งที่เราทำมีผลกระทบต่อสังคม ต่อสิ่งแวดล้อมอย่างไรด้วย

ในช่วงระยะเวลาที่ล็อกดาวน์และนักท่องเที่ยวหดหายนี้ ย่อมส่งผลกระทบโดยตรงต่อห้างสรรพสินค้า ช็อปปิ้งมอลล์ต่างๆ คุณวิศาล สิปิยารักษ์ รองกรรมการผู้อำนวยการสายบริหารพื้นที่เช่าและผู้เช่าสัมพันธ์ บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) นอกเหนือจากมาตรการลดค่าเช่าแล้ว ยังได้มีการช่วยเหลือผู้เช่าโดยการพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ให้ร้านค้าภายในศูนย์ฯได้มีช่องทางในการจำหน่ายสินค้าเพิ่มขึ้น ผ่านช่องทางของเอ็ม บี เค อาทิ การนำเสนอแคตตาล็อกสินค้าในเว็บไซต์เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ การไลฟ์สดขายสินค้าทุกวันพุธผ่านเฟซบุ๊ก MBK Live Market และ การนำสินค้าเข้าไปวางจำหน่ายในลาซาด้า มีการนำข้อมูลลูกค้ามาวิเคราะห์แบบลงลึกเพื่อทำการตลาดแบบเฉพาะเจาะจง (Personalized Marketing) ปรับกลยุทธ์ที่เน้นกลุ่มลูกค้าคนไทยมากยิ่งขึ้น และยังมีการทำ CSR ร่วมกับภาครัฐให้การสนับสนุนพื้นที่ในการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 มอบน้ำดื่ม MBK และหน้ากากอนามัย จัดทำกิจกรรมเพื่อสังคมในโครงการ PLUS TOGETHER พอยท์ต่อชีวิต เชิญชวนสมาชิกแอปพลิเคชัน เอ็ม บี เค พลัส ร่วมแบ่งปันน้ำใจสู้ภัยโควิด-19 ด้วยการบริจาคคะแนน เอ็ม บี เค พอยท์ เปลี่ยนเป็นเงินบริจาค โดย MBK PLUS ร่วมสมทบทุนให้อีกเท่าตัว เพื่อจัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์มอบให้โรงพยาบาลกลาง ช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19

ในมุมของการสื่อสารและคมนาคม คุณพงษกรณ์ คอวนิช หัวหน้าส่วนงานการตลาดด้านผลิตภัณฑ์และลูกค้าโพสต์เพด บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด ได้ร่วมแชร์ว่าทางบริษัทฯ ได้เฟ้นหาบริการและข้อเสนอที่เติมเต็มและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในช่วงล็อคดาวน์และ WFH นี้ เช่น เพิ่มประกันสุขภาพโควิด-19 การนำเอาช่อง Disney + Hotstar เข้ามาเสริมในส่วนของบันเทิง และการนำเสนอเบอร์มงคลที่เน้นในเรื่องของสุขภาพ ซึ่งทั้งหมดเหมาะกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ทำให้บริษัทฯ สามารถรักษาฐานลูกค้าปัจจุบันได้ และยังได้กลุ่มลูกค้าใหม่ๆเพิ่ม นอกจากนี้ พนักงานขายที่ช็อปต้องมีการปรับเปลี่ยนให้มีช่องทางขายให้ลูกค้าได้เพิ่มมากขึ้นทั้งออฟไลน์และออนไลน์เพื่อให้การขายไม่หยุดชะงัก

HOW – กลยุทธ์ในการปรับตัวในสถานการณ์โควิดปัจจุบัน Survival Strategy การเปิดใจยอมรับ รวมถึงการแชร์เคล็ดลับทำการตลาดในช่วงโควิด-19 ให้ธุรกิจไม่สะดุด

ร้านอาหารก็เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างมาก คุณนงชนก สถานานนท์ ผู้ช่วยรองประธานบริหาร กลุ่มการตลาด บจก.เอส แอล อาร์ ที จำกัด กล่าวว่า สำหรับปีนี้ ผลกระทบจากโควิด-19 มากกว่าปีที่แล้ว เนื่องจากร้านส่วนใหญ่อยู่ในห้าง ทีมงานได้กลับไปคิดและปรับกระบวนการใหม่ แปลงข้อจำกัดเป็นโอกาส ไม่ยึดติดกับรูปแบบเดิมๆ มีการทดลอง เรียนรู้ และปรับเปลี่ยน จึงเป็นที่มาของ Cloud Kitchen ที่เป็นการผนึกกำลังของแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็น Sizzler Bon Chon Swensen’s หรือ Dairy Queen ผ่านครัวของ The Pizza Company

ในมุมของ Digital CRM หรือ Loyalty Program น้ัน คุณณัฐธิดา สงวนสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท บัซซี่บีส์ จำกัด กล่าวว่าได้มีการปรับเปลี่ยนองค์กร มีการพัฒนาโซลูชั่นเพื่อช่วยเหลือกลุ่มธุรกิจ SME ในการนำสินค้าขึ้นขายใน Marketplace บนแพลตฟอร์ม e-Commerce ชั้นนำต่างๆ พร้อมช่วยทำการตลาดให้ และอีกบริการคือการกระโดดเข้ามาทำ Food Delivery ให้กับแบรนด์มีช่องทางโดยตรง เพื่อได้มีฐาน Database เป็นของตัวเอง และเข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภค นอกจากนี้ ยังปรับเปลี่ยนสิทธิพิเศษเพื่อให้ตอบโจทย์ลูกค้าในช่วงโควิด-19 มากยิ่งขึ้น ด้วยแนวคิดในการดำเนินธุรกิจที่ว่า ‘ทุกที่มีโอกาส เมื่อคิดแล้วให้ลงมือทำทันที และเราไม่จำเป็นต้องสร้างโอกาสจากเค้กก้อนเดิมเสมอไป’

คุณเพชร พะเนียงเวทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) เล่าว่ามีการปรับเปลี่ยนแผนการตลาด จากเดิมที่ส่วนแบ่งการตลาดและอัตราการเติบโตของมาม่าแบบคัพจะมากกว่าแบบซอง แต่เมื่อเกิดโควิด-19 สัดส่วนการขายและอัตราการเติบโตของมาม่าแบบซองเริ่มมากกว่าแบบคัพ จึงต้องมีการปรับกลยุทธ์ อีกทั้งการขายที่จากเดิมใช้พนักงานขาย ก็เริ่มเปลี่ยนมาเป็นการขายแบบออนไลน์แทน ดังนั้น ต้องเรียนรู้และปรับตัวให้เร็ว

สำหรับธุรกิจ B2B นั้น คุณวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) ร่วมแชร์ว่าตอนนี้ทุกคนกำลังประสบอยู่กับ Pandemic Crisis อย่างไรก็ดี ไม่ว่า Crisis ใดก็ต้องมีวันจบ เราจะบริหารองค์กรให้ก้าวข้ามผ่าน Crisis ในสภาพไหน สิ่งที่สำคัญ คือ การใส่ใจและให้ความมั่นใจแก่กลุ่มลูกค้า ดูแลบุคลากรให้มีขวัญและกำลังใจ พร้อมทั้งพัฒนาทักษะของพนักงานอย่างต่อเนื่อง คุณวิชาญแนะนำว่า Cash is King ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ลงทุนในสิ่งที่สำคัญสำหรับอนาคต ปรับ Mindset เพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่ “Never Normal”

ในส่วนของภาคเกษตรนั้น คุณพิษณุ มิลินทานุช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด เล่าว่าช่วงโควิด-19 มีกลุ่ม Young Smart Farmer ที่นำวิธีการทำ Smart Farming เข้ามาใช้ เกษตรกรมีการใช้งานออนไลน์เพิ่มจากเดิม 9% เป็น 70% โดยทางคูโบต้าเอง ก็มีการปรับตัวในเรื่องของกิจกรรมทางการตลาดและ Transition จาก On-ground มาเป็นออนไลน์มากขึ้น มีการพัฒนา Mobile Application และเทคโนโลยีที่อำนวยความสะดวกให้แก่เกษตรกรโดยได้รับผลตอบรับที่ค่อนข้างดี

สำหรับฝั่งรัฐวิสาหกิจ ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ จากบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ร่วมแชร์ประสบการณ์ว่า สถานการณ์โควิด-19 ทำให้คนหันมาทำธุรกิจออนไลน์มากยิ่งขึ้น จากแสนร้านค้าเป็นล้านร้านค้า ทางไปรษณีย์ไทยมองว่าระบบขนส่งและระบบหลังบ้านที่ดีจะช่วยส่งเสริมผู้ประกอบการเหล่านี้ และพร้อมตอกย้ำหน้าที่และ Commitment โดยเน้นความเป็น Companionship กับคนไทย และในอนาคตอันใกล้นี้ ทางไปรษณีย์ไทยจะมีการ Collaborate กับพันธมิตรอื่นๆเพื่อขยับขยายและมอบการบริการที่ดียิ่งขึ้นและครอบคลุมมากกว่าเดิม

จากการร่วมพูดคุย การได้มุมมอง กลยุทธ์ ข้อคิดต่างๆจาก CMO และผู้บริหารระดับสูงทั้งหมดนั้น ก่อให้เกิดข้อสรุปทั้งสิ้น 10 Re อันได้แก่

  • Responsible Marketing เล็งเห็นถึงความสำคัญของสังคมและสิ่งแวดล้อม เน้นการพัฒนาแบบยั่งยืน
  • Rethink เปิดใจให้กว้าง ปรับเปลี่ยนวิธีคิด
  • Retarget ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เพื่อขยายฐานลูกค้าและหากลุ่มลูกค้าใหม่
  • Reconnect ใส่ใจในฐานลูกค้าเดิม หาวิธีเพื่อดึงลูกค้าเก่าให้กลับมา
  • Resources เสริมสร้างและพัฒนาทักษะให้แก่บุคลากร
  • Rescale ปรับแผนให้ง่ายขึ้นและมีความคล่องตัวมากขึ้น
  • Restructure ทดลองทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ เรียนรู้ในสิ่งใหม่ๆ
  • Reshape the Future วางกลยุทธ์สำหรับอนาคต
  • Reform ศึกษา Consumer Behaviour เพื่อปฎิรูปและหาหนทางแก้ไขปัญหาที่ตอบโจทย์
  • Relieve บรรเทาปัญหาและความทุกข์ที่เกิดขึ้นในสังคม

พร้อมกันนี้ คุณจักรพล จันทวิมล กรรมการสมาคมการตลาดฯ และผู้จัดการทั่วไป บริษัท นันยางมาร์เก็ตติ้ง จำกัด ได้นำเสนอ

โครงการ HELP Marketing

ประกอบด้วย 4H คือ

  • Head: ค้นหาผู้ประกอบการรายย่อยที่ใช้แนวคิดการตลาดใหม่ๆ มีไอเดียดีๆ สามารถสร้างความแตกต่างเพื่อเพิ่มยอดขายในช่วงโควิด-19 นี้
  • Hand: ประชาสัมพันธ์ร้านเพื่อเป็นกรณีศึกษา พร้อมอุดหนุนสินค้าและส่งมอบให้บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าและบุคคลที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติการณ์นี้
  • Heart: เป็นโครงการที่สนับสนุนโดยสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทยและสมาชิก MAT CMO Council
  • Hope: ใช้วิถี “การตลาด” อันเป็นหนึ่งในความหวังของประเทศ

โครงการ HELP Marketing นี้ จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมศาสตร์ทางด้านการตลาด อีกทั้งยังเป็นการให้กำลังใจและช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าและผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์โควิด-19 นี้ โดยเบื้องต้น ทางสมาคมฯ ได้มอบเงินตั้งต้นเป็นจำนวนทั้งสิ้น 50,000 บาท ทั้งนี้ได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากสมาชิกของ MAT CMO Council

ท่านที่ต้องการร่วมกิจกรรม HELP Marketing สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่
สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย
คุณจันทร์เพ็ญ โทร. 095-952-4453, 02-679-7360-3 หรือ
Line ID : @matsociety

Tags:

ผู้เขียน
MAT TEAM

สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย

สมัครรับข่าวสาร

logo