One of three columns
One of three columns
One of three columns

สมาคมการตลาดฯ ย้ำบทบาท
“Marketing Accelerator”แนะนักการตลาด
“มองให้ไกล คิดให้ลึก ทำให้จริง และจริงใจ”

2.6k
SHARE

กรุงเทพฯ, 29 เมษายน 2568 – สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย (MAT) นำโดย ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ นายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย Marketing Association of Thailand (MAT) สรุปภารกิจในรอบปีที่ผ่านมา พร้อมย้ำยังคงเดินหน้าบทบาทของสมาคมฯ เป็น “Marketing Accelerator” ที่จะผลักดันให้การตลาดเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ พร้อมแนะนักการตลาด “มองให้ไกลกว่าการขาย -คิดให้ลึกกว่ากลยุทธ์ -ทำให้จริงจังกว่าคำโฆษณา และกล้ายืนหยัดในจุดยืนของแบรนด์อย่างจริงใจ”

ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ กล่าวว่า “ในปีนี้นับเป็นจุดเริ่มต้นของช่วงเวลาสำคัญ เพราะในปี 2569 สมาคมการตลาดฯ จะก้าวสู่ปีที่ 60 ของการก่อตั้ง จากจุดเริ่มต้นของกลุ่มคนที่เชื่อมั่นในพลังของการตลาดในฐานะกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม สมาคมฯ ได้ยืนหยัดตามปณิธานนั้นมาตลอดหกทศวรรษ กับบทบาทการเป็น ศูนย์กลางองค์ความรู้ด้านการตลาด ที่เชื่อมโยงทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาคธุรกิจ รัฐ นักวิชาการ หรือคนรุ่นใหม่ ให้เข้ามาร่วมเรียนรู้ แลกเปลี่ยน และร่วมกันขับเคลื่อนวงการการตลาดของไทยอย่างต่อเนื่อง และพร้อมเป็น “Marketing Accelerator” ที่ผลักดันการตลาดเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ”

ท่ามกลางความท้าทายต่างๆ ที่เกิดขึ้น เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ทั้งเศรษฐกิจที่ผันผวน นโยบายการค้าและการเงินที่ยังไม่นิ่ง ภาวะโลกร้อน ตลอดจนพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงเร็วขึ้นและลึกขึ้น นักการตลาดในวันนี้ไม่อาจยึดติดกับสูตรสำเร็จเดิม ๆ ได้อีกต่อไป

ดร.บุรณิน กล่าวว่า นักการตลาดไทยในวันนี้ ต้องไม่รอให้โลกกลับมา “ปกติ” แต่ต้องพร้อม ปรับ เปลี่ยน และนำพาแบรนด์ให้ก้าวไปข้างหน้า ด้วยความเข้าใจผู้คน มองเห็นโอกาสแม้ในความไม่ชัดเจน และสร้างความเชื่อมั่นอย่างยั่งยืน

“มองให้ไกลกว่าการขาย คิดให้ลึกกว่ากลยุทธ์ และทำให้จริงจังกว่าคำโฆษณา ต้องเข้าใจความต้องการที่แท้จริงของผู้คน สร้างความสัมพันธ์ที่มีความหมายกับสังคม และกล้ายืนหยัดในจุดยืนของแบรนด์อย่างจริงใจ”

และตลอดปี 2567 ที่ผ่านมา สมาคมฯ ยังคงเดินหน้าพัฒนาบทบาทของเรา จากเวทีแลกเปลี่ยน มาเป็นพลังขับเคลื่อนที่ช่วยเสริมสร้างองค์ความรู้ เครื่องมือ ทักษะ และเครือข่าย ที่จำเป็นสำหรับนักการตลาดในทุกระดับ ทั้งผ่านการจัดกิจกรรมที่ตอบโจทย์สถานการณ์จริง เวทีการเรียนรู้ที่เข้มข้น และการเชื่อมโยงชุมชนวิชาชีพที่หลากหลาย สรุปภารกิจได้ดังนี้ จัดกิจกรรมรวมทั้งสิ้น 10 กิจกรรม 7 งานสัมมนา ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ที่ชัดเจน มุ่งเน้นการยกระดับองค์ความรู้ผ่านการจัดงานสัมมนาและกิจกรรมระดับประเทศ อาทิ Thailand Marketing Day 2025 และ Thailand Marketing Day On Tour ที่จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมทั้งขยายเครือข่ายความร่วมมือกับภาคการศึกษา ภาครัฐ และภาคเอกชนอย่างกว้างขวาง และมุ่งส่งเสริมศักยภาพนักการตลาดไทย ด้วยการประสานความร่วมมือกับองค์กรทั้งในประเทศและระดับภูมิภาค รวมถึงการทำงานร่วมกับสมาพันธ์การตลาดแห่งเอเชีย (Asia Marketing Federation) เพื่อเปิดโอกาสให้นักการตลาดไทยก้าวสู่เวทีสากล ซึ่งในปี 2567 สมาคมฯ ได้นำพาองค์กรและนักการตลาดไทยคว้ารางวัลในเวที Asia Marketing Excellence Award ทั้งในสาขา Marketing Company of the Year, Marketing 3.0 และอีก 3 หมวดสำคัญ ได้แก่ Asia’s Top Outstanding Women/ Youth/ Netizen Marketeer of the Year Award

พร้อมกันนี้ สมาคมฯ ยังมุ่งพัฒนาหลักสูตรสัมมนาเพื่อเสริมสร้างศักยภาพนักการตลาดในทุกช่วงวัย ตั้งแต่นักการตลาดรุ่นใหม่ในโครงการ J-MAT ไปจนถึงผู้บริหารระดับสูงในโครงการ MAT CMO Council โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมและสัมมนากว่า 8,000 คน สะท้อนบทบาทสำคัญของสมาคมฯ ในการขับเคลื่อนและพัฒนาวงการการตลาดไทยอย่างต่อเนื่อง

ในปี 2568 สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทยยังคงเดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งให้กับนักการตลาดไทยในระดับภูมิภาค ผ่านการทำงานร่วมกับสมาพันธ์การตลาดแห่งเอเชีย (Asia Marketing Federation – AMF) เพื่อเปิดประตูสู่เวทีนานาชาติ และตอกย้ำเป้าหมายในการผลักดันประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางด้านการตลาดของภูมิภาค และมุ่งเน้นการสร้างบทบาทนักการตลาดรุ่นใหม่ ให้มีความพร้อมสำหรับการเป็นผู้นำในยุคที่การแข่งขันและสงครามทางการค้ามีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น พร้อมผลักดันแนวคิดการตลาดเพื่อสังคม (Social Marketing) เพื่อตอบโจทย์ความยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

ในวาระครบรอบ 60 ปีที่กำลังจะมาถึง สมาคมฯ เตรียมจัดกิจกรรมพิเศษในรูปแบบใหม่ ๆ ที่ไม่เพียงสอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย แต่ยังมุ่งหวังให้สมาชิกและนักการตลาดไทยได้ใกล้ชิดกับองค์ความรู้ที่สามารถนำไปใช้จริง ต่อยอดแรงบันดาลใจ และสร้างพลังร่วมในการขับเคลื่อนวงการการตลาดไทยให้ก้าวไกลอย่างยั่งยืน


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:
จิราภรณ์ พึ่งสัตย์
รองผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด – กิจกรรมและการสื่อสาร
สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย
โทรศัพท์ : 099 242 5244 อีเมล :[email protected]
เว็บไซต์ : www.marketingthai.or.th.
หรือติดต่อ โสภี ฉวีวรรณ ที่ปรึกษาด้านประชาสัมพันธ์ ได้ที่ 080 942 4559
[email protected]

Tags:

ผู้เขียน
MAT TEAM

สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย

สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทยร่วมงาน
MRMW APAC 2025
พร้อมร่วมเสวนาในหัวข้อ
“Data Governance Excellence”

2.6k
SHARE

สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย (MAT) ได้รับเกียรติเชิญเข้าร่วมงาน MRMW APAC 2025 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 9-10 เมษายน 2568 ณ ประเทศสิงคโปร์ งานนี้เป็นเวทีระดับโลกที่รวบรวมผู้เชี่ยวชาญด้าน การวิจัยตลาด (Market Research) และข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภค (Consumer Insights) เพื่อหารือเกี่ยวกับแนวโน้มและนวัตกรรมล่าสุดในอุตสาหกรรม โดยเน้นการนำเสนอ เทคนิคการวิจัยตลาดใหม่ ๆ แนวโน้มเชิงลึก และนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรม มีผู้เข้าร่วมจากหลากหลายสาขา ทั้งผู้นำทางธุรกิจ นักวิจัยตลาด และผู้พัฒนาเทคโนโลยีที่กำลังเปลี่ยนแปลงวงการวิจัยตลาด

ในปีนี้ สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย นำโดย ดร.สมชาติ วิศิษฐชัยชาญ อุปนายกฝ่ายองค์กรความรู้ด้านการตลาด ได้เดินทางไปร่วมงาน พร้อมคุณนงชนก สถานานนท์ ผู้จัดการทั่วไป เดอะคอฟฟี่คลับ บริษัท เอ็ม เอฟ คาเฟ่ แอนด์ เรสเตอรองต์ จำกัด ร่วมเป็นวิทยากรในหัวข้อสำคัญ “Data Governance Excellence” ในฐานะตัวแทนจากสมาคมฯ เพื่อแบ่งปันแนวคิด เจาะลึกกลยุทธ์ รวมถึงการนำไปประยุกต์ใช้ในโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 10 เมษายน 2568 เวลา 10.15-11.00 น.

งาน MRMW APAC 2025 ถือเป็นก้าวแรกของความร่วมมือระหว่าง สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย (MAT) และ Merlien Institute ในการพัฒนาองค์ความรู้ด้านการวิจัยตลาดและข้อมูลเชิงลึกในระดับนานาชาติ โดยทั้งสององค์กรมีเป้าหมายร่วมกันในการส่งเสริมแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศในด้านการบริหารจัดการข้อมูลและการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการตลาด ความร่วมมือนี้จะเป็นการต่อยอดไปสู่โครงการและกิจกรรมอื่น ๆ ในอนาคต เพื่อสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมการตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

สิทธิพิเศษสำหรับสมาชิกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย
สำหรับสมาชิกที่สนใจเข้าร่วมงาน MRMW APAC 2025 สามารถลงทะเบียนได้ที่ลิงก์ด้านล่าง พร้อมรับสิทธิ์ ส่วนลด 15%
• ลงทะเบียน MRMW APAC พร้อมส่วนลด:https://apac.mrmw.net/registration/?promo=MAT15
• ดูรายละเอียดและกำหนดการของงาน: https://apac.mrmw.net/schedule/

กี่ยวกับ MRMW APAC (Market Research in the Mobile World Asia-Pacific):
MRMW APAC 2025 https://apac.mrmw.net/ เป็นงานประชุมที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียเกี่ยวกับการวิจัยตลาดและข้อมูลเชิงลึก ซึ่งจัดขึ้นทุกปีและมีประวัติยาวนานกว่า 10 ปี โดยเป็นส่วนหนึ่งของซีรีส์การประชุม MRMW ที่จัดในหลายภูมิภาคทั่วโลก เช่น อเมริกาเหนือ ยุโรป และตะวันออกกลาง งานประชุมนี้มุ่งเน้นการแนะนำเทคนิคการวิจัยตลาดใหม่ ๆ แนวโน้มเชิงลึก และนวัตกรรมที่จะขับเคลื่อนอุตสาหกรรม ผู้เข้าร่วมจะได้พบกับผู้นำทางธุรกิจ นักวิจัยตลาด และเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่มีอิทธิพลต่อวงการวิจัยตลาด

เกี่ยวกับสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย (MAT):
สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย (MAT) https://www.marketingthai.or.th/ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2509 เป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรที่มีวัตถุประสงค์และนโยบายหลักในการเป็น “Marketing Accelerator” เพื่อผลักดันการตลาดให้เป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ สมาคมฯ มุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านการตลาดให้ทัดเทียมระดับสากลในทุกกลุ่ม ตั้งแต่นักธุรกิจ นักการตลาด ผู้ประกอบการ ตลอดจนคณาจารย์และนิสิตนักศึกษาการตลาดทั่วประเทศ เพื่อสร้าง “สังคมของนักการตลาดพันธุ์แท้” ที่มีความเชี่ยวชาญและภาคภูมิใจในวิชาชีพนักการตลาด


 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม

คุณจิราภรณ์ พึ่งสัตย์
รองผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด – กิจกรรมและการสื่อสาร
Email: [email protected]
โทร: 099-242-5244

Tags:

ผู้เขียน
MAT TEAM

สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย

กระดานหมากรุกห่งศตวรรษที่ 21
เมื่อตะวันออกท้ายชิงบัลลังก์ AI

2.6k
SHARE

ในเกมหมากรุกระดับโลกครั้งนี้ ตัวหมากไม่ได้ทําจากงาช้างหรือไม้มะเกลือ แต่ถูกหล่อขึ้นจากโค้ด, ข้อมูล, และปัญญาประดิษฐ์ ฝั่ง “ขาว” – SILICON VALLEY พร้อมด้วยทัพ GPT, GEMINI, และ GROK – ครองความได้เปรียบมาเนิ่นนาน แต่จู่ๆ “ม้าดํา” จากหางโจวก็กระโจนเข้าสู่สนาม DEEPSEEK – สตาร์ทอัพที่กล้าท้าชิงบัลลังก์ AI ด้วยกลยุทธ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เกมนี้ไม่ใช่แค่ การชิงชัยระหว่างอัลกอริทึม แต่เป็นเกมส์การประลองวิสัยทัศน์ที่จะกําหนดชะตากรรมของมนุษยชาติ

ทัพขาว : นวัตกรรมแห่ง SILICON VALLEY
โลกตะวันตกส่ง “ควีน” ออกศึก – กองทัพ AI อันทรงพลังนําโดย OPENAI ผู้สร้าง GPT ที่ปฏิวัติการประมวลผลภาษา, GOOGLE กับ GEMINI ที่ครองด้านข้อมูลเชิงลึก, META AI ที่เชี’ยวชาญด้านโซเชียล, และ GROK จาก XAI ที่โดดเด่นด้านการวิเคราะห์ พวกเขาขับเคลื่อนด้วยพลังแห่งนวัตกรรม และการแข่งขันเสรีจาก SILICON VALLEY สู่ควอนตัมคอมพิวติ้ง ความหลากหลาย, ความเร็ว, และความกล้าคือจุดแข็ง แต่การแข่งขันที่ดุเดือดระหว่างค่ายและทิศทางที’ กระจัดกระจายอาจทําให้ “ควีน” นี้เสียสมดุล

 


ทัพดํา : กลยุทธ์แห่งแดนมังกร

ส่วนโลกตะวันออกก็ตอบโต้ด้วย “ม้า” – DEEPSEEK สตาร์ทอัพจากหางโจวที’ก่อตั้ง โดย LIANG WENFENG และหนุนโดย HIGH-FLYER เป็น OPENSOURCE ที่ท้าชนโมเดลตะวันตกด้วยประสิทธิภาพสูง, ราคาถูก, และการใช้งานครอบคลุม ร่วมกับ QWEN (ตัวเก่งด้านอีคอมเมิร์ซของ ALIBABA) และ KIMI (แชมป์ NLP ของ TENCENT) แต่ DEEPSEEK เด่นด้วยการเข้าถึงกว้างขวาง – จากครูในแอฟริกา แปลตําราเรียลไทม์ ถึงโรงงานในเอเชียวิเคราะห์ข้อมูลทันใจ

การผสานกับโครงสร้างพื้นฐานอย่าง 5G ของ HUAWEI และระบบนําทาง BEIDOU ทําให้ “ม้า” ตัวนี้เคลื่อนไหวอย่างคาดเดายากและทรงพลัง ล่าสุด มหาวิทยาลัยทั่วจีน เช่น SHENZHEN UNIVERSITY และ ZHEJIANG UNIVERSITY เริ่มเปิดหลักสูตร DEEPSEEK เพื่อฝึกอบรมนักศึกษาในเทคโนโลยี AI จริยธรรมแห่งนวัตกรรม



ตะวันตก : การบุกแบบเปิดเผย
ตะวันตกเล่นแบบ “เปิดหน้า” – “ควีน” เคลื่อนไหวด้วย SOFT POWER อันเย้ายวน (HOLLYWOOD, GOOGLE, NETFLIX) และ HARD POWER อันแข็งแกร่ง (NATO, การคว่ำบาตร) AI จากค่ายต่างๆ ถูกขับ เคลื่อนโดยตลาดเสรี และการแข่งขันที่ดุเดือด แต่ความแตกแยก – การเมืองสหรัฐฯ ที่วุ่นวาย, ความขัดแย้งใน EU, หรือการชิงชัยระหว่างค่าย – อาจทําให้ “เบี้ย” ล้มกระจาย

ตะวันออกเลือก “ซ่อนหมาก”
DEEPSEEK เป็นหัวหอกของกลยุทธ์ระยะยาวจากแดนเทคโนโลยีของจีน การปล่อย DEEPSEEK เป็น OPENSOURCE ไม่ใช่แค่การแบ่งปัน แต่เป็นการล้อมกระดานด้วยพันธมิตร – จากแอฟริกาที่ใช้ในเมืองอัจฉริยะ ถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ผสานกับการค้า “ป้อม” ของตะวันออกตั้งมั่นด้วยระเบียบและความ สามัคคี แต่การควบคุมที’เข้มงวดอาจทําให้ขาดความยืดหยุ่น

การเชื่อมโยง: การปะทะของสองวิถี
DEEPSEEK ยกระดับตะวันออกจากผู้ตามเป็นผู้ท้าชิง – ตะวันตกบุกด้วยความเร็วจากหลายแนวรบ ตะวันออกล้อมด้วยความอดทนจากระบบเดียวกัน การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ใช่แค่ครอง “ราชา” แต่เป็นการแย่งชิง “พื้นที่” ที่กําหนดอนาคต


ความเชื่อ และวัฒนธรรม : จิตวิญญาณของผู้เล่น

ตะวันตก: พลังแห่งปัจเจกชน
ตะวันตกหยั่งรากจากปรัชญากรีก – โรมันและคริสต์ศาสนา – ความจริงต้องพิสูจน์ได้ และ individualism ขับเคลื่อนทุกสิ่ง AI จากค่ายต่าง ๆ เป็นเครื่องมือของ “ปัจเจก” ที่ปลด ปล่อยจินตนาการ แต่ความยึดมั่นในเสรีภาพอาจนําไปสู่ความโกลาหล – เช่น Bias หรือการใช้ในทางที่ผิด

ตะวันออก : พลังแห่งส่วนรวม
ตะวันออกยึดโยงกับขงจื้อ, เต๋า, และพุทธศาสนา – ความ สมดุล และ Collectivism คือแก่นแท้ DeepSeek และ พันธมิตรถูกสร้างเพื่อ “ส่วนรวม” – ยกระดับการศึกษา, การแพทย์, และสังคม โดย DeepSeek นําทัพด้วยแนวคิดที่เข้า ถึงทุกคน ความงดงามอยู่ที่การอยู่ร่วมกัน แต่การยอมจํานน ต่ออํานาจส่วนกลางอาจบีบความสร้างสรรค์

การเชื่อมโยง : สงครามแห่งอุดมการณ์
DeepSeek ท้าทายตะวันตกโดยพิสูจน์ว่า AI สามารถเป็นทั้งฟรี และควบคุมได้ การปะทะนี้ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี แต่เป็นสงครามระหว่าง “ฉัน” กับ “เรา” – โลกจะเลือกฝงไหน?

ประวัติศาสตร์ : บทเรียนจากเกมเก่า

ตะวันตก : บทเรียนจากชัยชนะ
ตะวันตกมีชัยชนะอันยิ่งใหญ่ในอดีต – การล่าอาณานิคม, การปฏิวัติอุตสาหกรรม – ที่หล่อหลอม mindset แบบ “บุก ก่อน คิดทีหลัง” AI จากค่ายต่าง ๆ เกิดจากความกล้านี้ แต่บาดแผลจากอดีต – เช่น ลัทธิหลังอาณานิคม – อาจกลับมา ทําร้ายตัวเองได้ในศววรรษนี้

ตะวันออก : บทเรียนจากความพ่ายแพ้
ตะวันออกเรียนรู้จากความพ่ายแพ้ในสงครามฝุ่น, การล่าอาณานิคม, ญี่ปุ่นหลังสงครามโลก – ความเจ็บปวดสอนให้ อดทนและใช้การวางหมากระยะยาว DeepSeek และพันธมิตรก็เป็นผลจากบทเรียนนี้ โดย DeepSeek เป็นสัญลักษณ์ของการฟื้นฟูศักดิ์ศรี

การเชื่อมโยง : พลังขับเคลื่อนที่แตกต่าง
ตะวันตกใช้ชัยชนะผลักดันความกล้า ตะวันออกใช้ความพ่ายแพ้ขับเคลื่อนความทนทาน DeepSeek ทําให้การปะทะนี้เป็นการต่อสู้ระหว่าง “ผู้พิชิต” และ “ผู้รอด”


รากฐานใหม่และการทูต: การปูทางของตะวันออก

รากฐานใหม่ : ถนนดิจิทัลแห่งอนาคต
DeepSeek และ Belt and Road Initiative (BRI) วาง “ถนนดิจิทัล” คล้ายจิ๋นซีฮ่องเต้ที่กําหนดมาตรฐาน หรือกุบไลข่านที่เชื่อมอาณาจักรเป็นการสร้างจุดเริ่มต้นของอารยธรรมในศตวรรษที่ 21 ที่ทํา เทคโนโลยีที่เข้าถึงทุกคนและเป็นเทคโนโลยีที่ใช้ได้ในชีวิตประจําวันไม่ใช่ เป็นแค่เครื่องมือของกลุ่ม Techno Elites เท่านั้น

การทูตและพันธมิตร : เครือข่ายความร่วมมือ
จีนใช้ DeepSeek และการค้าเพื่อผูกมิตร แทนการครองเดี่ยวที่ “ข้าใหญ่คนเดียว” ใช้เทคโนโลยีปูทางสู่เครือข่ายโลกที่เชื่อมโยงกันการเป็น Opensource ของ DeepSeek ไม่ใช่แค่กลยุทธ์ทางเทคนิค แต่เป็นการทูตดิจิทัลที่สร้างความไว้วางใจ และความร่วมมือกับนานาประเทศทั่วโลก

 

DeepSeek ไม่ใช่แค่หมาก แต่เป็นเบื้องต้นของวิสัยทัศน์ที่เปลี่ยนกฎของเกม จากการแข่งขันสู่การร่วมมือ จากการครอบงําสู่การแบ่งปัน


อนาคต : DeepSeek และการพลิกกระดาน

ฉากทัศน์ 1 : ตะวันตกยังครอง
OpenAI, Google และค่ายอื’นๆ รักษาความเป็นผู้นํา – โลกแห่ง “เสรีนิยมดิจิทัล” ที่เต็มไปด้วยไอเดีย แต่กลับเหลื่อมล้ำถึงการเข้าถึง เทคโนโลยีก้าวล้ำแต่การเข้าถึงจํากัด คนมีเงินเท่านั้นถึงสามารถใช้เครื่องมือล้ำ ๆ อย่างเต็มประสิทธิภาพบริษัทใหญ่ ๆ ก็ยังครองอํานาจการจัดการทรัพยากรอยู่ดี

ฉากทัศน์ 2 : ตะวันออกขึ้นนํา
DeepSeek นําทัพ Qwen และ Kimi จะสร้าง “ระเบียบดิจิทัล” ที่มั่นคง และเข้าถึงได้ง่ายกว่าด้วยทรัพยากรที่น้อยกว่า แต่ก็จะถูกกีดกัน และควบคุมเข้ม– โลกก็จะกลายเป็นโลกที่ทุกคนมี AI แต่ถูกจับตามองการเข้าถึงกว้างขวาง แต่นวัตกรรมอาจชะลอหรือไม่แน่อาจจะทําให้การทํานวัตกรรมมีวิถี และการสร้างที่แตกต่างไปเหมือนที่ Deepseek ทําได้

ฉากทัศน์ 3 : สงครามเย็นยุค AI
DeepSeek ปะทะทัพตะวันตก – โลกแบ่งเป็นสองขั้ว : Opensource vs Proprietary, เสรี vs ควบคุม เทคโนโลยี พัฒนาแต่มนุษยชาติแตกแยก ก็จะวนเข้าลูปสงครามเย็นเหมือนช่วงสงครามเย็นนิวเคลียร์ในช่วง 70-80s

ฉากทัศน์ 4 : ลูกผสมแห่งความหวัง
คงเป็นภาพฝันที่จะเห็น DeepSeek ผสานกับ AI ตะวันตก ระเบิดความสร้างสรรค์ + การเข้าถึง = โลกที่สมดุล มนุษย์หันหน้าเข้าหากัน และกอดคอกันสร้างนวัตกรรมที่เติบโตควบคู่กับความเท่าเทียม สร้างเทคโนโลยีรับใช้ มนุษยชาติทั้งมวล

พวกเราได้อะไรจากเกมนี้ ?

ผลกระทบต่อผู้ใช้งาน
จากตะวันตก คุณได้ GPT ที่ช่วยเขียนนิยาย, Google ที่ค้นหาคําตอบทันใจ, Grok ที่วิเคราะห์ปัญหาเชิงลึก – แต่แพง และซับซ้อนจาก DeepSeek คุณได้เครื่องมือที่ถูก เช่น หมอในชนบทใช้แปลผล X-ray – แต่ต้องยอมรับการควบคุม

ผลกระทบต่อมนุษยชาติ
ความก้าวหน้า – นักวิทย์ใช้ AI ตะวันตกค้นคว้าดาวเคราะห์ใหม่, ชาวนาในเอเชียใช้ DeepSeek วิเคราะห์ดิน แต่ความขัด แย้งอาจนําไปสู่การแบ่งแยก การแข่งขันระหว่างระบบอาจสร้างกําแพงใหม่ในโลกดิจิทัล

DeepSeek คือคําประกาศจากจีนว่า “เราจะชนะในแบบของเรา” – ร่วมกับ Qwen และ Kimi และอีกหลาย ๆ ตัวในอนาคตเป็นใบเบิกทางเพื่อปูทางสู่รากฐานใหม่และเชื่อมโลกเข้าด้วยกัน
ตะวันตกมี “ควีน” ที่หลากหลายและกล้าได้กล้าเสีย ตะวันออกมี “ม้า” ที่ฉลาดและอดทน

“ในโลกยุคใหม่ที่พวกเราทุกคนสามารถเข้าถึง เทคโนโลยีได้ง่ายขึ้น เราจะยอมให้ฝ่ายใดกําหนด อนาคต หรือจะฉีกกระดานทิ้งและเขียนกฎใหม่เอง? คําตอบอาจไม่ใช่การเลือกข้าง แต่เป็นการ สร้างสมดุลใหม่ที่ทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันได้”


References

1. DeepSeek: https://www.deepseek.com/; MIT Technology Review (2023); South China Morning Post (2025, “Baidu adopts DeepSeek AI models”); Reuters (21 ก.พ. 2025, “Chinese universities launch DeepSeek courses to capitalise on AI boom”).
2. Qwen และ Kimi: South China Morning Post (2023); https://www.alibabacloud.com/, https://www.tencent.com/.
3. Western AI: Mowery, D. C., & Rosenberg, N. (1998). Paths of Innovation. Cambridge University Press.
4. Eastern Strategy: Hillman, J. E. (2020). The Emperor’s New Road. Yale University Press.
5. ความเชื่อและวัฒนธรรม : Shambaugh, D. (2013). China Goes Global. Oxford University Press.
6. ประวัติศาสตร์ : Spence, J. D. (1990). The Search for Modern China. W.W. Norton & Company.

ดาวน์โหลดบทความ ได้ที่ > https://tinyurl.com/4vmr7u9x

Tags:

ผู้เขียน
คุณสุภาวดี ตันติยานนท์

Founder, Experience Matters Co., Ltd.
และอุปนายกฝ่ายความร่วมมือภาครัฐและสาธารณะ สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย

WE ARE HIRING JOIN OUR TEAM

2.6k
SHARE
Assistant Digital Marketing & Content Manager

สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย กำลังมองหาคนรุ่นใหม่ที่มีความคิดสร้างสรรค์ และเชี่ยวชาญด้านการตลาดดิจิทัล มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนา ขับเคลื่อนคอนเทนต์ที่เป็นประโยชน์ต่อนักการตลาด และเพิ่มการรับรู้ และการเข้าให้กับกลุ่มเป้าหมาย

หน้าที่และความรับผิดชอบ:

  • พัฒนา และสร้างสรรค์คอนเทนต์ออนไลน์ ให้เหมาะสมกับแต่ละแพลตฟอร์มของสมาคมฯ (Facebook, Line OA, X, YouTube, เว็บไซต์) ทั้งคอนเทนต์ด้านการตลาด, บทความเชิงลึก, การโปรโมตหลักสูตรต่าง ๆ  เพื่อสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย
  • วางแผน และบริหารจัดการคอนเทนต์รายสัปดาห์ และรายเดือน เพื่อเพิ่ม Reach, Engagement และ Conversion บนแพลตฟอร์มออนไลน์ของสมาคมฯ
  • วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก (Insight) และปรับกลยุทธ์ในการสื่อสาร โดยใช้เครื่องมือวิเคราะห์ เช่น Facebook Business Suite, YouTube Studio และ Google Analytics รวมถึงการบริหารงบประมาณโฆษณาออนไลน์อย่างมีประสิทธิภาพ
  • สำรวจ และใช้ช่องทางการสื่อสารออนไลน์ภายนอก เช่น Community/Group ที่เกี่ยวข้อง เพื่อขยายการเข้าถึง และเพิ่มโอกาสในการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายใหม่
  • ติดตาม และวิเคราะห์แนวโน้มความนิยมบนโซเชียลมีเดีย ที่เกี่ยวข้องกับสมาคมฯ พร้อมจัดทำรายงาน และดำเนินการจัดการประเด็นต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและเหมาะสม
  • สนับสนุนงานด้านการตลาดดิจิทัลอื่นๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย
คุณสมบัติที่เรามองหา 
  • อายุ 25-35 ปี
  • มีประสบการณ์ทำงานด้านการตลาดดิจิทัลอย่างน้อย 2 ปี (หากมีความเชี่ยวชาญด้าน SEO หรือ Optimization จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ)
  • สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ในสาขาที่เกี่ยวข้อง เช่น การตลาด นิเทศศาสตร์ การสื่อสาร หรือสาขาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
  • มีผลงาน (Portfolio) ด้านคอนเทนต์ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาเชิงให้ความรู้ ไลฟ์สไตล์ หรือการโปรโมตแบรนด์
  • เข้าใจแนวทางการออกแบบ และการนำเสนอคอนเทนต์บนแต่ละแพลตฟอร์ม (ไม่จำเป็นต้องออกแบบเอง แต่สามารถทำงานร่วมกับทีมดีไซน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ)
  • มีความคิดสร้างสรรค์ ติดตามเทรนด์ และสามารถนำเทรนด์มาใช้กับงานได้จริง
  • มีทัศนคติที่ดี รักการเรียนรู้ และใส่ใจในรายละเอียด
  • มีทักษะการบริหารจัดการที่ดี สามารถทำงานเป็นทีม และประสานงานกับฝ่ายต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • สามารถอ่าน และฟังภาษาอังกฤษได้ดี (หากสามารถสื่อสาร และแปลภาษาอังกฤษเป็นไทยได้ จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ)
  • พร้อมเข้าร่วมสัมมนา คอร์สเรียน หรืออีเวนต์ที่เกี่ยวข้องทั้งภายในและภายนอกองค์กร
สิทธิประโยชน์
  • โอกาสในการพัฒนาทักษะและองค์ความรู้ด้านการตลาด ผ่านการเข้าร่วมสัมมนา คอร์สฝึกอบรม และกิจกรรมที่จัดโดยสมาคมฯ
  • ได้ร่วมกับนักการตลาด และผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมต่าง ๆ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และมุมมองใหม่ๆ
  • ประสบการณ์การทำงานในสภาพแวดล้อมที่เปิดกว้าง และได้โอกาสในการสร้างเครือข่าย ได้พบปะและทำงานร่วมกับบุคคลชั้นนำในวงการการตลาด
สวัสดิการ
  • โอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาทักษะ ผ่านการสัมมนา คอร์สเรียนออนไลน์/ออฟไลน์ และกิจกรรมพัฒนาศักยภาพ
  • ประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ และประกันชีวิต
  • ประกันสังคม
เวลาทำงาน
  • วันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 9:00-17:00 น. (หยุดเสาร์-อาทิตย์)
วิธีการสมัคร
  • ผู้ที่สนใจสามารถส่ง Resume และ Portfolio งานคอนเทนต์/ออกแบบ มาที่  [email protected]

ทีมงานของเราจะติดต่อกลับเพื่อดำเนินการสัมภาษณ์ในลำดับถัดไป

Tags:

ผู้เขียน
MAT TEAM

สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย

เปิดตัวงานวิจัย
Futures of Content Creators in Thailand 2035

2.6k
SHARE

กรุงเทพฯ, 17 มีนาคม 2568 – คอนเทนต์ครีเอเตอร์ไม่ใช่แค่ทางเลือกของอาชีพอีกต่อไป แต่เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจไทยที่มีมูลค่าหลายหมื่นล้านบาท บริษัท เทลสกอร์ จำกัด (Tellscore) ร่วมกับ ศูนย์วิจัยอนาคตศึกษาฟิวเจอร์เทลส์ แล็บ (FutureTales LAB) และ สถาบันวิชาการเพื่อความยั่งยืนทางสุขภาพจิต (TIMS) เปิดตัวงานวิจัย “อนาคตอุตสาหกรรมคอนเทนต์ครีเอเตอร์ในไทย พ.ศ. 2578 (Futures of Content Creators in Thailand 2035)” อย่างเป็นทางการ ณ SCBX NEXT TECH ชั้น 4 สยามพารากอน งานวิจัยชิ้นนี้เจาะลึกแนวโน้มสำคัญของวงการคอนเทนต์ครีเอเตอร์ไทยในอีก 10 ปีข้างหน้า ครอบคลุมประเด็น สังคม เทคโนโลยี เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม นโยบาย และค่านิยม เพื่อกำหนดทิศทางการเติบโตและรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยข้อมูลจากงานวิจัยระบุว่า อุตสาหกรรมคอนเทนต์ครีเอเตอร์ในไทยสามารถสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 45,000 ล้านบาทต่อปี และมีประชาชนที่มีแหล่งรายได้จากการเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์กว่า 9 ล้านคน ซึ่งคิดเป็นหนึ่งในภาคแรงงานสำคัญของประเทศ

จากงานวิจัยระบุว่า อุตสาหกรรมคอนเทนต์ครีเอเตอร์ในไทยมีอัตราการเติบโตสูง โดยสร้างรายได้ให้คนไทยกว่า 9 ล้านคน และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 45,000 ล้านบาทต่อปี อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมนี้ยังคงเผชิญกับความท้าทายด้านมาตรฐานวิชาชีพ และการกำกับดูแลคุ้มครอง และการสนับสนุนจากภาคส่วนต่าง ๆ ซึ่งต้องได้รับการพัฒนาเพื่อเสริมศักยภาพและยกระดับความยั่งยืนของอุตสาหกรรม 

งานวิจัยชิ้นนี้ใช้กระบวนการมองอนาคต (Foresight Research Methodology) วิเคราะห์แนวโน้มของอุตสาหกรรม พร้อมนำเสนอความเป็นไปได้ใน 5 ภาพอนาคต (Future Scenarios) ซึ่งจะเป็นข้อเสนอให้ภาครัฐ ภาคธุรกิจ และคอนเทนต์ครีเอเตอร์สามารถปรับตัวและวางกลยุทธ์รับมือกับความเปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

คุณสุวิตา จรัญวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท เทลสกอร์ จำกัด (Tellscore)  เปิดเผยว่า “อุตสาหกรรมคอนเทนต์ครีเอเตอร์ไทยกำลังเติบโต โดยมีผู้สร้างรายได้จากการเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์กว่า 9 ล้านคน ซึ่ง 2 ล้านคนทำเป็นอาชีพหลัก คอนเทนต์ครีเอเตอร์ไม่เพียงสร้างเนื้อหา แต่ยังเป็นผู้ขับเคลื่อน Soft Power และเศรษฐกิจไทย ตลอดจนค่านิยมในสังคม จึงจำเป็นต้องได้รับการดูแลสนับสนุนจากภาครัฐ และการสร้างนิเวศสื่อที่เอื้อต่อการเติบโต งานวิจัยนี้เสนอแนวทางในการพัฒนาอุตสาหกรรมสู่มาตรฐานสากล เทลสกอร์มุ่งมั่นยกระดับมาตรฐานและเสริมศักยภาพให้คอนเทนต์ครีเอเตอร์ พร้อมสนับสนุนการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนเพื่อขับเคลื่อนวงการคอนเทนต์ครีเอเตอร์ต่อไป”

ดร.การดี เลียวไพโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่อนาคตศาสตร์ ศูนย์วิจัยอนาคตศึกษาฟิวเจอร์เทลส์ แล็บ (FutureTales LAB) กล่าวเสริมว่า “อุตสาหกรรมคอนเทนต์ครีเอเตอร์ไทยกำลังเผชิญการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ทั้งจากเทคโนโลยีขั้นสูง การแข่งขันระดับสากล นโยบายกำกับดูแลที่ยังต้องพัฒนา รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของสังคม ค่านิยม และความยั่งยืน งานวิจัยนี้ใช้กระบวนการมองอนาคต ในการสำรวจแนวโน้มและฉายภาพอนาคต 5 ฉากทัศน์ ตั้งแต่ยุคทองของครีเอเตอร์ไทยที่ได้รับการสนับสนุนให้เติบโตเต็มที่ ไปจนถึงสถานการณ์ที่อุตสาหกรรมเผชิญภาวะถดถอยจนเกิดผลเสียต่อสังคมวงกว้าง การเตรียมความพร้อมจึงเป็นหัวใจสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาทักษะดิจิทัล มาตรฐานวิชาชีพ การกำกับดูแลแพลตฟอร์มที่สมดุล หรือการสร้างระบบนิเวศที่คำนึงถึงผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อม อนาคตของอุตสาหกรรมขึ้นอยู่กับความร่วมมือของทุกภาคส่วน เพื่อให้ครีเอเตอร์ไทยสามารถแข่งขันได้ในระดับโลกอย่างยั่งยืน”

ดร.นพ.วรตม์ โชติพิทยสุนนท์ รองโฆษกกระทรวงสาธารณสุข และผู้ร่วมก่อตั้งสถาบันวิชาการเพื่อความยั่งยืนทางสุขภาพจิต (TIMS) กล่าวว่า “TIMS ก่อตั้งขึ้นด้วยความหวังที่จะสร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมสุขภาวะทางจิตให้แก่คนไทย เราตระหนักถึงบทบาทสำคัญของอุตสาหกรรมคอนเทนต์ครีเอเตอร์ไทยในการสร้างสรรค์สื่อและพื้นที่ปลอดภัยในสังคมออนไลน์ ซึ่งจะช่วยยกระดับความรอบรู้เท่าทันสื่อ และเสริมสร้างความตระหนักถึงผลกระทบที่มีต่อตนเองและผู้อื่น การพัฒนาอุตสาหกรรมให้เติบโตอย่างยั่งยืน จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐที่กำกับดูแลอย่างเข้าใจ ภาคเอกชนที่ส่งเสริมโอกาสทางเศรษฐกิจ และประชาชนที่มีบทบาทในการกำหนดทิศทางของสื่อ

TIMS หวังว่าเล่มอนาคตศึกษานี้จะเป็นแผนที่นำทางสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมคอนเทนต์ครีเอเตอร์ เพื่อส่งเสริมสุขภาวะทางจิตอย่างยั่งยืนในประเทศไทย”

แม้ครีเอเตอร์จะเป็นกำลังหลักของเศรษฐกิจดิจิทัล แต่ยังมีประเด็นที่ต้องพิจารณาในบริบทของการกำกับดูแล และมาตรฐานวิชาชีพ การกำหนดนิยามและบทบาทหน้าที่ที่ชัดเจน และกลไกที่เชื่อมโยงกับสื่อมวลชน จะช่วยให้เกิดการมีส่วนร่วมและสร้างผลดีกับทุกฝ่าย

Tellscore, FutureTales LAB และ TIMS ดำเนินโครงการวิจัยนี้ เพื่อเสนอแนะแนวทางเชิงนโยบาย และแนวปฏิบัติสำหรับทุกภาคส่วน และหวังว่างานวิจัยนี้จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการกำหนดทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจครีเอเตอร์ไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน

สำหรับผู้ที่สนใจรับไฟล์งานวิจัย (PDF) ติดตามได้ที่ www.facebook.com/Tellscore หรืออีเมล์มาที่ [email protected] ระบุในหัวข้ออีเมล์ว่า “ขอไฟล์งานวิจัย: อนาคตคอนเทนต์ครีเอเตอร์ไทย 2035”


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ:
คุณไอยวริญ (เกรซ) โทร. 084 646 6647 อีเมล [email protected]
คุณพลอยณภัค (มินด์) โทร. 09 5159 4515 อีเมล [email protected]

Tags:

ผู้เขียน
MAT TEAM

สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย

มูลนิธิเพื่อการศึกษาของสมาคมการตลาดฯ
เปิดรับสมัครนักศึกษาทุนต่อเนื่อง ปี 2568

11
SHARE
The Future Marketer
ทุนการศึกษา ที่ให้มากกว่าโอกาสทางการศึกษา
เพื่อสร้างนักการตลาดแห่งอนาคต

รับสมัคร จำนวน 10 ทุน ทุนการศึกษาละ 36,000 บาท ต่อปีการศึกษา
พร้อมโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมสัมมนาหลักสูตรต่างๆ ฟรี!
เปิดรับสมัคร วันนี้ – 14 มิถุนายน 2568

สิ่งที่ได้รับ
  • ทุนการศึกษาต่อเนื่อง ทุนละ 36,000 บาท ต่อปีการศึกษา
  • โอกาสฝึกอบรมกับคอร์สของสมาคมการตลาด ฟรี!
  • โอกาสรับคำปรึกษา จากพี่ๆ นักการตลาดยุคใหม่ ที่จะให้คำแนะนำเป็นโค้ชให้คำปรึกษาแก่น้องๆ
  • โอกาสสมัครเข้าฝึกงานด้านการตลาดระหว่างเรียน
  • โอกาสในการสมัครงาน ในองค์กรชั้นนำเมื่อเรียนจบ โอกาสสร้างเน็ตเวิร์คใหม่ๆ เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และต่อยอดทางธุรกิจ
  • ได้พบปะเพื่อนๆ ที่รับทุนปีเดียวกันในงาน Orientation Day 1 ครั้ง
คุณสมบัติผู้สมัคร
  • เกรดเฉลี่ย 2.0 ขึ้นไป
  • กำลังศึกษาอยู่ในระดับปริญญาตรี ในมหาวิทยาลัยรัฐบาล หรือ ราชภัฏ
  • นักศึกษาที่เรียนวิชาที่เกี่ยวข้อง เช่น การตลาด, การตลาดดิจิทัล, การสื่อสารการตลาด, บริหารธุรกิจ, ธุรกิจเพื่อสังคม, นวัตกรรมการค้า, นวัตกรรมและการประกอบการ, นวัตกรรมดิจิทัล ฯลฯ ที่เกี่ยวข้อง
  • ไม่ได้รับทุนจากสถาบันอื่นอยู่ (กู้กยศ.สามารถขอทุนได้)
เอกสารข้อมูลประกอบการคัดเลือก
  • ไฟล์ใบสมัคร ที่ได้รับจากอีเมลล์ โดยกรอกข้อมูลเรียบร้อย (ใบสมัคร, ความเห็นอาจารย์ที่ปรึกษา, บรรยายประวัติส่วนตัว, บรรยายทัศนคติและความตั้งใจเป็นนักการตลาด)
  • จดหมายรับรองสถานะการเป็นนักศึกษา จากมหาวิทยาลัย
  • ผลการเรียน ที่ได้รับการรับรองจากมหาวิทยาลัย (Transcript)
  • ไฟล์รูปถ่ายตนเอง
  • อื่น ๆ เช่น Portfolio, Resume, CV (ถ้ามี)
ขั้นตอนการสมัครชิงทุน
  • ผู้สมัครส่งจะต้องกรอกใบสมัครในรูปแบบออนไลน์ พร้อมทั้งส่งไฟล์เอกสารประกอบเพิ่มเติมทาง ลิงก์ในอีเมลที่ได้รับหลังจากการกรอกฟอร์มด้านล่างนี้ กรอกข้อมูลทั้งหมดและอัพโหลดเอกสารมาภายในวันที่ 14 มิถุนายน 2568 เท่านั้น 
  • คณะกรรมการมูลนิธิฯ คัดเลือกและตรวจสอบเช็คประวัติ
  • มูลนิธิฯ จะประกาศผลรายชื่อผู้มีสิทธิ์เข้ารับการสัมภาษณ์ ในวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 ทาง Facebook และเว็บไซต์ ของสมาคมการตลาดฯ
  • มูลนิธิฯ แจ้งผลการคัดเลือก และระเบียบปฎิบัติถึงนักศึกษา ผู้ได้รับคัดเลือก** ประกาศผลผู้ได้รับคัดเลือก 10 ทุน ทาง Facebook และเว็บไซต์ ของสมาคมการตลาดฯ วันที่ 4 ส.ค. 2568

 

 

 

 


ผู้เขียน
MAT TEAM

สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย

สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย
ร่วมแสดงความยินดีฐานเศรษฐกิจครบรอบ 45 ปี

2.6k
SHARE

 

สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย นำโดย ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ นายกสมาคมฯ คุณชาคริต ดิเรกวัฒนชัย เลขาธิการสมาคมฯ และคณะกรรมการอำนวยการสมาคมฯ ร่วมแสดงความยินดีในโอกาสครบรอบ 45 ปีของฐานเศรษฐกิจ สื่อเศรษฐกิจและธุรกิจชั้นนำของไทย ณ อาคารอินเตอร์ลิงค์ ทาวเวอร์ บางนา เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2568

 

 

Tags:

ผู้เขียน
MAT TEAM

สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย

DeepSeek และ Qwen เมื่อ AI ราคาถูกเปลี่ยนโฉมโลก

2.6k
SHARE

ในสัปดาห์ที่ผ่านมา การเปิดตัวของ Deepseek ตามด้วย Qwen จากค่าย Alibaba กําลังส่งผลกระทบอย่างมหาศาลต่อ วงการ AI ไม่ใช่แค่ในแง่ของเทคโนโลยี แต่ยังรวมถึง เศรษฐกิจ ธุรกิจ การทํางาน และระบบนิเวศ AI ทั่วโลก เราเลยลองวิเคราะห์ ในแง่มุมต่างโดยเฉพาะผลกระทบกับผู้ใช้ โอกาสทางธุรกิจ และที่สําคัญที่สุดประเทศไทยเองควรจะมีมาตรการอะไรมารองรับ

การแข่งขันในยุค AI ราคาถูก

Deepseek กําลังฉีกกฏการออกแบบทางวิศวกรรม AI ที่ต้องใช้ ทรัพยากรจํานวนนมากเพื่องานที่ล่าที่สุด ซึ่งผู้เล่นเกมส์นี้ต้องมี ทรัพยากรคน เงินทุน และเครื่องมือระดับสูงจํานวนมาก ทําให้ผู้ เล่นรายเล็กรายกลาง ทําได้แค่เป็นผู้ตาม คนต่อยอด หรือเป็นได้แค่ผู้ใช้เท่านั้นเอง

Deepseek กลับคิดจากอีกมุม “คิดงานภายใต้ทรัพยากรที่จํากัด สุดไม่ว่าจะเงินทุน ชิป จํานวนคนทํางาน cloud serverและอีก มากมาย โมเดล AI ที่ถูกลงและทรงพลังขึ้น เมื่อทําได้สําเร็จเป็นที่ประจักษ์กับผู้ใช้ทั่วโลกก็มาแบบไม่ปกติคือเปิดให้ใช้ฟรีแบบหมด เปลือกกับผู้ใช้ทั่วโลก เพราะท่าที่ไม่ conventional แบบนี้ทําให้ Deepseek เปลี่ยนเกมการแข่งขันในระดับโลก และมีผลกระทบ กับ Nasdaq ทันที

ผลกระทบกับการแข่งขัน

  • AI-Savvy Workforce จะได้เปรียบ แต่ผู้ที่ไม่มีทักษะด้าน AI อาจถูกแทนที่
  • ประเทศที่ลงทุนใน AI จะได้เปรียบด้านเศรษฐกิจ ขณะที่ประเทศที่ช้ากว่าถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
  • ธุรกิจที’ปรับตัวเร็วจะได้เปรียบ ส่วนธุรกิจที่ล่าช้าจะถูกทิ้งไว้ ข้างหลัง
การพัฒนา AI (AI Development)

Democratization of AI: AI ถูกลงและเข้าถึงได้มากขึ้น
DeepSeek และ Qwen ลดต้นทุนการพัฒนา AI ทําให้ธุรกิจขนาดเล็ก และนักพัฒนาทั่วไปสามารถเข้าถึง AI ได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้ การผูกขาด AI โดยบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ลดลง เปืดโอกาสให้ นักพัฒนาในประเทศ ต่าง ๆ สามารถสร้างโมเดล AI ที่เหมาะสมกับวัฒนธรรมและภาษาของ ตนเอง

Open-Source vs Proprietary AI
DeepSeek เป็น Open-Source AI ซึ่งช่วยให้นักพัฒนาสามารถนําไป ปรับแต่งและสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ได้ Qwen ของ Alibaba อาจเน้น AI-as-a-Service ซึ่งมุ่งใช้ AI ในแพลตฟอร์มของ Alibaba มากกว่า การเปิดให้ชุมชนพัฒนาต่อยอด

การใช้งาน AI (AI Usage)

AI กลายเป็นมาตรฐานของธุรกิจ
AI ถูกใช้ในทุกอุตสาหกรรม ตั้งแต่การตลาด การแพทย์ การเงิน ไป จนถึงการศึกษา ธุรกิจที่ไม่สามารถปรับตัวใช้ AI ได้จะเสียเปรียบอย่างมาก

งานที่เสี่ยงต่อการถูกแทนที่จะเป็นงานที่ทําเป็น routine และใช้รูป แบบที่ทําเป็นประจําในการทํางาน เช่น Call Center, Data Entry, Content Moderatio และ Administration

การประยุกต์ใช้ AI (Applications)

ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบสูงสุด

การเงิน: วิเคราะห์ความเสี’ยงและวางแผนการลงทุนอย่างแม่นยํา
การตลาด: วิเคราะห์ วางแผน และสร้างคอนเทนท์อัตโนมัติ ออกแบบเฉพาะลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้
การแพทย์: วิเคราะห์วินิจฉัยจากภาพถ่าย XRAY ทางการแแพทย์
การผลิต: ควบคุมหุ่นยนต์ และ สายการผลิต AUTOMATION และช่วยวิเคราะห์ วางแผนการผลิต
กฏหมาย: ตรวจสอบเอกสารสัญญาและวิเคราะห์กฏหมาย

ผลกระทบทางเศรษฐกิจ ธุรกิจ และอนาคตของงาน

AI AUGMENTATION VS AI REPLACEMENT

AI-เสริมศักยภาพมนุษย์
ปัจจุบันบทบาทของ AI ได้เข้ามามีส่วนสําคัญในการทํางานหลายด้านบุคลากรทุกภาคส่วนจําเป็นต้องพัฒนาทักษะเพื่อทํางานร่วมกับ AI อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ใช้ AI เพื่อพัฒนา ศักยภาพของมนุษย์ในองค์กร นักวิเคราะห์ที่ใช้ AI ประมวลผลข้อมูล เพื่อการตัดสินใจทางธุรกิจ นักการตลาดที่ประยุกต์ AI มาช่วยวาง กลยุทธ์และแคมเปญ รวมถึงนักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่นํา AI มาเพิ่ม ประสิทธิภาพของระบบงานต่างๆ

AI-แทนที่งานเดิม
ในยุคที่ AI มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วหลายตําแหน่งงานจะเริ่มถูกทดแทนด้วยเทคโนโลยี เช่น พนักงาน Call Center ที่ปัจจุบันระบบ AI สามารถรับสายและตอบคําถามพื้นฐานของลูกค้าได้ นักแปลภาษา ที่เครื่องมือแปลภาษาอัตโนมัติสามารถทํางานได้อย่างแม่นยํามากขึ้นรวมถึงผู้ช่วยธุรการที่งานประจําหลายอย่างถูกแทนที่ด้วยระบบ อัตโนมัติและ AI มากขึ้น

โครงสร้างธุรกิจในอนาคต

โครงสร้างการดําเนินธุรกิจในอนาคตกําลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสําคัญ โดยบริษัทที่นํา AI มาใช้ตั้งแต่เริ่มต้นจะได้เปรียบในการแข่งขัน เนื่องจากสามารถสร้างระบบและกระบวนการทํางานที่มีประสิทธิภาพสูงตั้งแต่แรก นอกจากนี้ เศรษฐกิจแบบกิ๊กและการทํางานอิสระจะเติบโตขึ้น เพราะ AI ช่วยให้ฟรีแลนซ์สามารถทํางานได้อย่างมี ประสิทธิภาพมากขึ้น ในขณะเดียวกัน รูปแบบการทํางานแบบไฮบริดที่ผสมผสานระหว่างการทํางานที่ออฟฟิศและทํางานจากระยะไกลจะ กลายเป็นมาตรฐานใหม่ เนื่องจาก AI ช่วยให้การประสานงานและการ ทํางานร่วมกันเป็นไปอย่างราบรื่น

ผลกระทบต่อประเทศไทย

โอกาสและความเสี่ยงของประเทศไทย
ขณะนี้ประเทศไทยกําลังก้าวเข้าสู่ยุคแห่งโอกาสใหม่ที่เทคโนโลยี AI มี ราคาที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ทําให้ธุรกิจ SMEs และ Startup ไทยสามารถ นําไปประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันบนเวทีระดับ โลก ขณะเดียวกัน ภาคเกษตรกรรม อุตสาหกรรมการผลิต และการขนส่งโลจิสติกส์ของไทยก็สามารถใช้ประโยชน์จาก AI เพื่อลดต้นทุน และยกระดับประสิทธิภาพการดําเนินงาน อย่างไรก็ตาม ระบบการ ศึกษาไทยจําเป็นต้องเร่งปรับตัวครัง้ใหญ่เพื่อปูพื้นฐานความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ AI ให้กับเยาวชนตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษา ซึ่งจะเป็น กําลังสําคัญในการขับเคลื่อนประเทศในอนาคต

แต่ในขณะเดียวกันเรากําลังเผชิญกับความท้าทายสําคัญในยุค AI โดยเฉพาะในด้านแรงงาน ที่คนไทยจํานวนมากยังขาดทักษะในการ ทํางานร่วมกับ AI และมีความเสี่ยงที่จะถูกเทคโนโลยีทดแทน นอกจากนี้ เรายังมีข้อจํากัดด้านโครงสร้างพื้นฐานสําหรับ AI และยังขาดกรอบ กฎหมายที่ชัดเจนในการกํากับดูแลการใช้งาน AI ที’สําคัญ หากประเทศไทยไม่เร่งลงทุนและพัฒนาด้าน AI อย่างจริงจัง อาจส่งผลให้ เสียเปรียบในการแข่งขันด้านอุตสาหกรรมดิจิทัลในระยะยาว ซึ่งจะ กระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศโดยรวม

กลยุทธ์ของไทยในยุค AI

DeepSeek และ Qwen กําลังเปลี่ยนโลกจริงหรือไม่

การปรากฏตัวของ DeepSeek และ Qwen กําลังสร้างปรากฏการณ์ที่เปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์เทคโนโลยี AI อย่างมีนัยสําคัญ โดยการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นรวดเร็วและรุนแรงกว่ายุค Digital Transformation ด้วยปัจจัยสําคัญหลายประการ

  • ประการแรก ความง่ายในการเข้าถึงและการใช้งานที่เป็นมิตรกับผู้ใช้ (User-Friendly) ทําให้ผู้คนจํานวนมากสามารถนํา AI ไปประยุกต์ใช้ในงานต่างๆ ได้โดยไม่จําเป็นต้องมีความรู้ด้านเทคนิคขั้นสูง ส่งผลให้เกิดการใช้งานในวงกว้างและกระจาย ไปในหลากหลายอุตสาหกรรม
  • ประการที่สอง การเปิดให้ใช้งานฟรีได้ทลายข้อจํากัดด้านต้นทุน ทําให้สตาร์ทอัพ นักพัฒนาอิสระ และองค์กรขนาดเล็ก สามารถเข้าถึงเทคโนโลยี AI ขั้นสูงได้ ซึ่งเดิมเป็นเรื่องที่ต้องใช้งบประมาณมหาศาล การเปิดกว้างนี้นําไปสู่การสร้าง นวัตกรรมและการต่อยอดในรูปแบบที’หลากหลาย
  • ประการที่สาม โมเดล AI แบบเปิดเหล่านี้สร้างแรงบันดาลใจให้นักวิจัยและนักพัฒนารุ่นใหม่กล้าที่จะทดลองและคิดนอก กรอบ โดยไม่ถูกจํากัดด้วยทรัพยากรหรือต้นทุน ซึ่งอาจนําไปสู่การค้นพบเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เหนือความคาดหมาย

นอกจากนี้ การแข่งขันในตลาด AI ที่เพิ่มสูงขึ้นจากการมี Open Source Models ยังกระตุ้นให้บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ ต้องเร่งพัฒนาและปรับปรุงผลิตภัณฑ์ของตนเองอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลดีต่อผู้ใช้งานและระบบนิเวศ AI โดยรวม อย่างไรก็ตาม การเติบโตอย่างก้าวกระโดดนี้ยังมาพร้อมกับความท้าทาย ทั้งในแง่ของการรักษาความปลอดภัย การควบคุมคุณภาพ และการกํากับดูแลการใช้งานที่เหมาะสม ซึ่งทุกภาคส่วนจําเป็นต้องร่วมมือกันเพื่อสร้างมาตรฐานและแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสมต่อไป

ฤา AI จะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของมวลมนุษยชาติ

AI กําลังสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสําคัญที่ส่งผลกระทบในวงกว้าง โดยเฉพาะในด้านโอกาสและความสามารถในการแข่งขัน ผู้ที่เรียนรู้และปรับตัวใช้ AI จะได้เปรียบอย่าง มีนัยสําคัญ ปรากฏการณ์นี้สะท้อนรูปแบบเดียวกับการเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยีในอดีตไม่ว่าจะเป็นยุคปฏิวัติ อุตสาหกรรมหรือยุคดิจิทัล ที่ผู้นําการเปลี่ยนแปลง (Early Adopters) มักจะได้รับประโยชน์และโอกาส มากกว่าผู้ที่ปฏิเสธการเปลี่ยนแปลง

ในระดับธุรกิจองค์กรที่เร่งปรับตัวและนํา AI มาประยุกต์ใช้จะสามารถสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ทั้งด้านประสิทธิภาพการดําเนินงาน การลดต้นทุน และการสร้างนวัตกรรมใหม่ ในขณะที่ธุรกิจที่ช้าในการปรับตัวอาจเสี่ยงต่อการสูญเสียความสามารถในการแข่งขันและถูกทิ้งห่างในที่สุด

 

หลักการนี้ยังส่งผลในระดับประเทศ โดยเฉพาะประเทศไทยที่กําลังเผชิญความท้าทายสําคัญ การเร่ง พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ควบคู่ไปกับการพัฒนา ทักษะแรงงานผ่านการ Reskill และ Upskill จึงเป็นเรื่อง เร่งด่วน นอกจากนี้ การปฏิรูประบบการศึกษาเพื่อเตรียม ความพร้อมให้คนรุ่นใหม่มีความสามารถในการใช้และ พัฒนา AI ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสําคัญที่จะกําหนดขีดความ สามารถในการแข่งขันของประเทศในอนาคต หากไม่เร่ง ดําเนินการ ประเทศไทยอาจเสียเปรียบในเวทีการแข่งขัน ระดับโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

AI จะไม่แทนที่ มนุษย์ แต่มนุษย์ที่ ใช้ AI จะมาแทนที่ มนุษย์ที่ ไม่ใช้ AI

เขียนโดย: สุภาวดี ตันติยานนท์
อุปนายกฝ่ายความร่วมมือภาครัฐและสาธารณะ
Founder, Experience Matters Co., Ltd

 

Tags:

ผู้เขียน
คุณสุภาวดี ตันติยานนท์

Founder, Experience Matters Co., Ltd.
และอุปนายกฝ่ายความร่วมมือภาครัฐและสาธารณะ สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย

“9 เทรนด์โลก” ที่นำไปสู่ “4S”
เจาะลึกอินไซต์ผู้บริโภคไทย – SELFsumer Seamlessness Security และ Sustainability
บทสรุปจากรายงานของ Ipsos Global Trends

2.6k
SHARE

บริษัท อิปซอสส์ จำกัด ผู้นำระดับโลกด้านการวิจัยตลาดเปิดเผยรายงาน Ipsos Global Trends 2024 ซึ่งเป็นผลการศึกษาจากการสำรวจความคิดเห็นของผู้คนจำนวนกว่า 50,000 คนใน 50 ประเทศ พบว่าท่ามกลางความตึงเครียดเเละสับสนในโลกปัจจุบัน ผู้บริโภคต่างแสดงความตั้งใจที่จะควบคุมอนาคตของตนเอง โดยสามารถเเบ่งเทรนด์ย่อยเป็น 9 แบบด้วยกันคือ
● Globalisation Fractures อลหม่านโลกาภิวัฒน์
● Splintered Society สังคมที่เเตกเเยก (ของฉัน-ของเธอ-ไม่ใช่ของเรา)
● Climate Convergence เพราะโลกนี้มีใบเดียว
● Technowonder: เทคโนโลยีมหัศจรรย์-ตื่นเต้นหรือกังวลใจ
● Conscientious Health: การสร้างสุขภาพดีอย่างมีจิตสำนึก
● Retreat to Old Systems: ย้อนเวลาหาอดีต
● Nouveau Nihilism: ชีวิตไม่มีความหมายตายตัว ปัจจุบันสร้างสุข
● The Power of Trust: พลังเเห่งความเชื่อมั่นเเละศรัทธา
● Escape to Individualism: ปัจเจกนิยมในโลกอันวุ่นวาย

และ 9 เทรนด์นี้เองที่อิปซอสส์นำไปขมวดประเด็นหลักมาเป็น 4S ที่เจาะลึกอินไซต์ของผู้บริโภคไทย นั่นคือ SELFsumer Seamlessness Security และ Sustainability แล้ว S แต่ละตัวจะบ่งบอกความคิดที่ผู้บริโภคมีต่อแบรนด์อย่างไรบ้าง?

SELFsumer: มีความสุขในวันนี้ เพราะอนาคตไม่แน่นอน

เมื่อเศรษฐกิจทั่วโลกตกอยู่ในภาวะที่คาดการณ์ลำบาก ผู้คนจึงเริ่มไม่เชื่อว่าการเก็บออมเป็นทางออกของความมั่นคงในชีวิตและยินดีจับจ่ายใช้สอยเพื่อให้ตนเองมีความสุขกับปัจจุบัน มีคนบางกลุ่มยังเลือกที่จะหลีกหนีความวุ่นวายบนโลกแห่งความจริงไปใช้ชีวิตในโลกเสมือนจริงแทน และยังเน้นให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์ของตัวเองทั้งบนโลกความจริงและออนไลน์ ผู้บริโภคเริ่มหันมาเชื่อตนเองหรือแวดวงออนไลน์ของตนเองมากกว่าที่จะเชื่อแบรนด์หรือผู้เชี่ยวชาญ ผู้คนถึงร้อยละ 84 ต้องการควบคุมการตัดสินใจเกี่ยวกับสุขภาพของตนเองมากขึ้น และร้อยละ 82 มักจะพยายามค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพด้วยตัวเองอยู่เสมอ แทนที่จะอาศัยเพียงสิ่งที่แพทย์บอก

Seamlessness: ตื่นตาตื่นใจกับประสบการณ์ไร้รอยต่อ

เชื่อหรือไม่ว่าคนไทยมีความสนใจในเรื่องของการนำ AI (Artificial Intelligence) มาใช้ในผลิตภัณฑ์และบริการต่าง ๆ เป็นอันดับสามของโลกรองจากจีนและอินโดนีเซีย ระบบการซื้อขายหรือการให้บริการต่าง ๆ เริ่มปรับเปลี่ยนมาใช้ AI แทนการใช้คนบริการ แม้ในช่วงแรกจะมีความไม่คุ้นชินแต่เมื่อใช้บ่อยขึ้น คนไทยส่วนใหญ่มีทัศนคติเชิงบวกต่อ AI และเชื่อว่า AI จะเข้ามาปรับปรุงในด้านต่าง ๆ ให้ดีขึ้นในอีก 3-5 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะในด้านความบันเทิงและการประหยัดเวลา แต่ถึงแม้ว่าผู้บริโภคต้องการความสะดวก รวดเร็ว ว่องไว ผู้คนยังคงมองหาปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ ชอบการบริการจากคน มากกว่าจากแชตบอต แบรนด์จึงต้องตอบสนองและกำหนดความคาดหวัง ทำความเข้าใจและรวบบริบทเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและใช้ความเห็นอกเห็นใจ (Empathy) ในการออกแบบและส่งมอบประสบการณ์

Security: มองหาการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล

แม้ผู้คนจะเริ่มคุ้นเคยกับการใช้ระบบ AI หรือเทคโนโลยีต่าง ๆ มากขึ้น แต่สิ่งที่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้คือความวิตกกังวลเกี่ยวกับรั่วไหลของของมูลส่วนบุคคล เพราะการเข้าถึงระบบต่าง ๆ จะมีการขอข้อมูลที่ผู้บริโภคเองอาจไม่ได้มีความรู้ความเข้าใจถึงการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล แต่ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ร้อยละ 81 ยังคงมีความกังวลว่าข้อมูลส่วนตัวที่บริษัทต่าง ๆ เก็บรวบรวมเกี่ยวกับพวกเขาจากโลกออนไลน์นั้นจะถูกนำไปใช้อย่างไร

Sustainability: การพัฒนาอย่างยั่งยืนมีอะไรมากกว่าด้านสิ่งแวดล้อม

เทรนด์สุดท้ายที่ผู้บริโภคคนไทยให้ความสำคัญคือการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดย 3 อันดับแรกคือ 1.การยุติความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ 2.การศึกษาที่ครอบคลุมและมีคุณภาพ และ 3.การจ้างงานเต็มที่และมีผลิตภาพและการมีงานที่มีคุึณค่าสำหรับทุกคน จะเห็นได้ว่าประเด็น “ESG” ที่คนไทยให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ ล้วนอยู่ในหมวด Social (สังคม) และ Governance (ธรรมาภิบาล) มากกว่าในหมวด Environment (สิ่งแวดล้อม) ร้อยละ 87 ของคนไทยเชื่อว่าแบรนด์สามารถสร้างรายได้ไปพร้อม ๆ กับทำสิ่งดี ๆ เพื่อสังคมได้ จึงเป็นโอกาสดีสำหรับแบรนด์ที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค สนับสนุน ร่วมดูแลสังคม แสดงความจริงใจ และสื่อสารอย่างชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องสังคมและธรรมาภิบาล

จากเทรนด์ 4S ที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่าเทรนด์โลกและเทรนด์ของผู้บริโภคเปลี่ยนไปอย่างไม่หยุดนิ่ง ดังนั้นแบรนด์จึงควรเตรียมพร้อมอยู่เสมอและมีหลัก “3 Be” เป็นที่ตั้ง ได้แก่
1. Be Informed หรือ การตระหนักและเข้าถึงความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภคอยู่เสมอ
2. Be Active หรือ การตอบสนองของแบรนด์ที่รวดเร็วต่อเทรนด์ พฤติกรรม หรือเทคโลโลยีใหม่ ๆ
3. Be Inclusive ซึ่งหมายถึงการย้อนกลับมามองกลุ่มผู้บริโภคหลัก และปรับระดับการนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เหมาะกับผู้บริโภคของตน เพราะถ้ากลุ่มผู้บริโภคหลักไม่สามารถตามทันเทคโนโลยีที่แบรนด์นำมาใช้ได้ ความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อแบรนด์ก็อาจจะลดลงได้

ดาวน์โหลดรายงาน Ipsos Global Trends ได้ที่ > https://resources.ipsos.com/Download_Ipsos_Global_Trends_.html


หมายเหตุ: ผลสำรวจ Ipsos Global Trends 2024 เป็นการสำรวจกลุ่มตัวอย่างที่เป็นชาวไทย อายุระหว่าง 20 – 74 ปี 1000 คน ระหว่างเดือน กุมภาพันธ์ – เมษายน 2567

Tags:

ผู้เขียน
MAT TEAM

สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย

FUTURE-READY 2025
Ready for The Unknow Horizon

2.6k
SHARE

“The only certainty is the uncertainty..We have no choice but to be Future-ready.”

About FUTURE-READY 2025
Ready for the Unknown Horizon

Navigating Uncertainty, Empowering Growth
Building on the success of its inaugural summit in 2024, held in collaboration with The
Economist Impact, BRANDi and Companies returned with FUTURE-READY 2025. Themed
“Ready for the Unknown Horizon,” this year’s summit took place on January 28th, 2025 at
BRANDi HopeQuarter in Bangkok. This high-level summit brought together leaders from the
public, private, and education sectors to address the challenges and opportunities of a rapidly
changing world.

The Need for FUTURE-READY
The event stemmed from the recognition that while global expectations are rising,
understanding of how to achieve growth in this complex landscape is diminishing.
Leaders are facing critical decision-making challenges in an era of unprecedented uncertainty.
FUTURE-READY 2025 aimed to provide a platform for knowledge sharing and insightful
discussions to equip leaders with the tools and perspectives needed to navigate
the unknown horizon.

Key Focus Areas
Macroeconomics: Understanding the broader economic forces and global trends shaping the future, with a focus on Thailand’s readiness.
Market Mechanism: Analyzing the evolving dynamics of markets and competition, particularly in the age of disruption, and identifying strategies for future-proofing Thailand’s
economy.
Micro Engine: Empowering individual organizations and leaders to drive growth and adapt to the changing landscape, with a focus on innovation and future-ready strategies.

The Unknown Horizon: Global Scape, Glocal Solutions
BRANDi’s Approach

Mr. Piyachart (Arm) Isarabhakdee, CEO of BRANDi and Companies, commenced the “Unknown Horizon: Global Scope, Glocal Solutions” session at FUTUREREADY 2025 by underscoring the escalating challenges in achieving sustainable growth amidst a world marked by disruption, division, economic stagnation, and environmental decline. BRANDi and Companies, a Thai-born firm that is the
most global, operates as a “CORE-level strategy consultancy.” He outlined BRANDi’s approach to guiding organizations

Discover the CORE
Identifying and clarifying core competencies and unique strengths.

Empower the CORE
Equipping organizations to confront risks and challenges head-on, leveraging those strengths to overcome obstacles.

Grow from the CORE
Developing strategies to utilize existing strengths as a competitive advantage, fostering sustainable growth and expansion.

“Growth is hard-won, and sustainable growth even more so. Without Hope, such a journey becomes impossible.”

The Unknown Horizon: Global Scape, Glocal Solutions
A Call for a New Growth Narrative

The Missing Narrative
• Mr. Piyachart (Arm) Isarabhakdee points out a critical gap in the current global outlook: the lack of a compelling “New Growth Story.” The world is grappling with numerous challenges – disruptions, fragmentation, stagnation, and decline
– but there’s a lack of clarity on how to move forward and achieve sustainable growth. He poses a crucial question: “How can we envision a path to continued growth and progress?”

BiOST as the Change Catalyst
• This is where BRANDi Institute of Systematic Transformation (BiOST) steps in. BiOST is positioned as a “Change Catalyst,” accelerating the transitions needed to achieve a Future-ready world.
• BiOST recognizes that the world is not comprised of isolated “Single Silos.” Instead, it emphasizes the interconnectedness of various challenges and advocates for solutions that consider the interplay of different factors. This approach ensures that solutions are comprehensive and address the root causes of problems, rather than just treating symptoms.

Macro-Framework: Future-ready Economy
Macro-level Briefing

From Technological Capital Driven to Human Capital Driven Economy
• Economic progress has moved through multiple waves, from mass production to AI-driven economies. While automation has historically
displaced workers, the next phase of development will need to focus on balancing AI autonomy with Human Capital, ensuring a workforce that is reskilled and integrated into new opportunities.
• The key to sustainable growth lies in investing in both technology and people, fostering an ecosystem where human intelligence and AI work together to drive inclusive economic progress.

It all starts from human, then system.

New Global Horizon: Thriving in an Unknown Horizon
Macro-level Discussion

Key Global Economic Challenges and Shifts in 2025
• The global economy faces complex challenges, with Trump 2.0 policies emerging as a key factor to watch in 2025.
• Potential trade disruptions from renewed protectionism could significantly impact Thailand.
• Energy security remains fundamental to economic stability and growth. In 2025, the U.S. will prioritize energy self-sufficiency, emphasizing domestic production, while Europe leads the energy transition, though it still requires a $3 trillion investment to ensure stability.
• The Energy Trilemma—balancing security, sustainability, and affordability—will continue shaping global energy policies. Meanwhile, Southeast Asia’s gas dependency remains a key concern, with Thailand as one of the region’s largest consumers, highlighting the urgency for energy diversification.
• In the AI race, winners will be nations like China, Japan, and those in the Middle East that embrace rapid adaptation, while those lagging behind risk deepening socioeconomic divides between the elite and the wider population.

 

Protectionism, energy security, and AI shifts challenge global stability, impacting Thailand. To stay competitive, Thailand must diversify energy sources, strengthen trade resilience, accelerate AI adoption, and invest in human capital development.

New Global Horizon: Thriving in an Unknown Horizon
Macro-level Discussion

People-First Approach to Technology Integration
• Thailand must take a people-first approach to technology integration,
focusing on Increased investment in education and digital literacy.
• Establishing national AI research hubs with global tech firms and expanding
digital infrastructure will drive economic competitiveness.

Balancing Short-Term Adaptability with
Long-Term Fiscal Discipline
• With Thailand’s public debt reaching 69% of GDP, maintaining fiscal discipline
while ensuring strategic investments is crucial. The government should
prioritize long-term trade-off analysis over short-term stimulus measures.
• Encouraging foreign direct investment (FDI) in technology and green industries
can enhance economic resilience, while targeted incentives for SMEs and
startups in high-value sectors will drive growth.
• To reduce dependency on China and the US, Thailand must diversify trade
partnerships by expanding relations with emerging markets and leveraging
ASEAN economic integration.

Energy Security and Workforce Readiness
• Energy security remains a priority as digital transformation increases demand.
• Workforce development, inclusivity, and flexible policies, including remote work,
help attract top talent. Adapting to global energy trends while ensuring
domestic stability is key to a resilient and sustainable energy future.

Market-Framework: Future-ready Ecosystem
Market-level Discussion

Navigating Financial Disruptions in
a Rapidly Changing World
• Global uncertainties—trade wars, technology conflicts, and the escalating carbon war—are evolving challenges reshaping economies and financial markets. Key trends such as shifting trade policies, carbon pricing, rising household debt, and regulatory shifts are redefining investor confidence and capital flows.
• Amidst this turbulence, Thailand’s financial sector is rapidly evolving, with Virtual Banks and tech-driven services disrupting traditional banking.
• The future belongs to AI-powered finance, DeFi, and embedded banking, requiring institutions to embrace digital transformation, foster innovationfriendly regulations, and strengthen capital markets with sustainable finance.
• KBank leads this shift by enhancing productivity through AI and fintech, investing in talent development, and optimizing digital infrastructure.
• At the heart of this transformation is people—driving solutions in finance, sustainability, and agriculture.

To stay competitive, banks must embrace inclusive growth, leverage individual strengths, and adapt beyond traditional models. Those clinging to legacy systems risk irrelevance in a digitized economy.

Market-Framework: Future-ready Ecosystem
Market-level Discussion

Positioning Thailand for a Sustainable and
Competitive Future
• Thailand must strategically navigate the global New Competition, leveraging Foreign Direct Investment (FDI) to drive clean energy
adoption and long-term economic resilience.
• While some nations embrace Green Technology, others hesitate, creating competitive challenges. The U.S. withdrawal from the Paris Agreement proved that sustainability efforts can thrive through local policies and
market forces.
• For Thailand, an optimal electricity market must balance energy security with sustainability, attract foreign investment, embrace decentralized energy systems, and integrate market mechanisms like carbon pricing.
• The transition to clean energy also requires balancing grid stability, investing in energy storage, enhancing smart grids, and expanding regional cooperation to strengthen ASEAN’s energy market.
• Beyond energy, education plays a vital role in shaping future-ready talent. Universities must launch interdisciplinary sustainability programs, foster industry-academia collaboration, and promote lifelong learning.

By integrating global investment, energy innovation, and education reform, Thailand can secure its place as a leader in the sustainable economy.

 

 

Market-Framework: Future-ready Ecosystem
Market-level Discussion

Redefining Thailand’s Tourism for a Sustainable Future
• Thailand’s tourism and hospitality industry faces mounting challenges from global megatrends, including climate crises, AI-driven misinformation, geopolitical conflicts, rising living costs, and cybersecurity risks.
• To remain competitive, the industry must embrace purpose-driven travel, catering to wellness, healthcare, and adventure tourism, while also promoting regenerative tourism, where travelers seek sustainable experiences that benefit local communities and the environment.
• However, structural issues—such as limited infrastructure in secondary cities, workforce gaps, and economic slowdowns—must be addressed.
• Dusit Thani Group exemplifies resilience through portfolio diversification across food, real estate, education, and hospitality, guided by strategic clarity, service excellence, and team empowerment.
• Thailand’s long-term success lies in unlocking untapped destinations, strengthening infrastructure, and expanding responsible tourism models that prioritize cultural preservation and economic distribution.

By transitioning from mass tourism to value-driven, experience-led travel, Thailand can secure its place as a global tourism leader.

New Growth Horizon: From Conventional to Future-ready
Micro-level Discussion

The Future of Business
• Businesses must anticipate geopolitical shifts, trade policies, and technological advancements to stay competitive.
• Companies should integrate AI-driven solutions to enhance efficiency while maintaining a balance between automation and human expertise.
• Aligning with green policies and investing in eco-friendly innovations will attract investment and meet regulatory demands.
• Logistics and other industries must modernize infrastructure, enhance digital capabilities, and adopt consumer-centric strategies to remain relevant.
• Instead of competing directly with competitors in the market, businesses can consider monetize existing networks, build trust within communities, and expand service offerings.

Expanding partnerships beyond domestic markets will help businesses hedge against geopolitical risks and tap into new growth opportunities.

New Growth Horizon: From Conventional to Future-ready
Micro-level Discussion

Elevating Thai Businesses in 2025 and beyond
• Success is now measured by sustainable transformation that benefits both businesses and communities.
• Businesses must actively adapt to change, view leadership as an enabler of talent, and design systems that foster innovation.
• Transforming state enterprises and large organizations requires overcoming resistance through clear communication, ensuring a unified vision, collective buy-in, and sustainable progress.
• Resilience and adaptability are no longer optional—they are the foundation for long-term success in an evolving world.

Future-ready businesses don’t just adapt—they lead with impact, and transformation to drive sustainable progress for both economy and society.

Tags:

ผู้เขียน
คุณปิยะชาติ (อาร์ม) อิศรภักดี

CEO, BRANDi and Companies
Chairman, BRANDi Institute of Systematic Transformation
และ คณะกรรมการอำนวยการ สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย

สมัครรับข่าวสาร

logo