
ในเวทีเสวนา “วันนักการตลาดแห่งประเทศไทย 2568 (Thailand Marketing Day 2025) หัวข้อ Prompt the Future: The Power of Wellness Economy ผู้ร่วมเสวนาต่างเห็นตรงกันถึงโอกาสทางการตลาดของธุรกิจเวลเนส (Wellness) หรือการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม (กาย-ใจ-จิต) เพื่อให้ผู้คนมีอายุขัยยืนยาวอย่างสุขภาพดี สอดรับกับแนวโน้มสังคมสูงวัยโลก
.
ขณะที่ประเทศไทยเต็มไปด้วยศักยภาพในการพัฒนาตลาดนี้ให้เติบโตยิ่งขึ้น หากมีการผนึกกำลังทางการตลาด ร่วมมือกันทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ Wellness เป็น “Team Wellness Thailand” ขับเคลื่อนไปทั้ง Ecosystems ไปพร้อมกับการนำ Wellness มายกระดับด้วยการแพทย์ จะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้อีกมาก นำไปสู่เป้าหมายการติดหนึ่งในห้า (Top 5) จุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพโลก (Wellness Tourism)

นายแพทย์ตนุพล วุรุฬหการุญ ประธานคณะผู้บริหาร บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก และบีดีเอ็มเอส เวลเนส รีสอร์ท บริษัทกรุงเทพดุสิตเวลการ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงขนาดเศรษฐกิจ Wellness โลก อ้างอิงข้อมูลจาก Global Wellness Institute ระบุว่า ในปี 2567 มีมูลค่าสูงถึง 6.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดการณ์ว่าในปี 2572 จะมีมูลค่าสูงถึง 9.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐจากปี 2567 โดยในแต่ละปี (2567-2572) จะมีอัตราเติบโตสูงถึง ปีละ6.7 % สูงกว่าการเติบโตของ GDP โลกที่ 4.5%
ขณะที่ปัจจุบันไทยติดอันดับ 1 ใน 20 ประเทศจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และมีอัตราเติบโตสูงเป็นอันดับสองเป็นรองเพียงประเทศจีน โดยมีค่าใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวสุขภาพ มูลค่าสูงถึง 5.6 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ
*สังคมสูงวัย โอกาสตลาด Wellness โลก
ขณะเดียวกัน โลกกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัย ซึ่งเป็นกลุ่มคนเป้าหมายของธุรกิจ Wellness โดยข้อมูลจาก UN World Populations, 2020 ระบุว่า ในปี 2568 ทั่วโลกมีผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60ปีขึ้นไป สัดส่วน 14.85% (1,223 ล้านคน) และจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 20.34% (1,920 ล้านคน) ในปี 2588 ขณะที่ในไทยคาดการณ์ว่า จะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุระดับสุดยอด (สัดส่วน 28.57% ของจำนวนประชากร) ในปี 2576
นอกจากนี้ยังมีข้อมูลที่น่าสนใจ โดยพบว่า อายุขัย (Lifespan) ของคนบนโลก เฉลี่ยอยู่ที่ 73.6 ปี แต่อายุขัยสุขภาพ (Health span) หรือจำนวนปีที่บุคคลนั้นมีสุขภาพดีและปลอดโรคเรื้อรัง เฉลี่ยอยู่ที่อายุเพียง 63.6 ปี สะท้อนว่าแม้การแพทย์จะเจริญก้าวหน้า แต่ผู้คนยังต้องเผชิญความเจ็บป่วยเป็นเวลานานก่อนจะเสียชีวิต ซึ่ง Wellness จะเข้ามาแก้ไขปัญหานี้ ทำให้ช่องว่างนี้แคบลงด้วยการดูแลสุขภาพ ป้องกันก่อนการรักษา
“ที่ผ่านมาเราไม่ได้เน้นการป้องกัน อายุยืนได้เพราะได้ยาดี ประชาชนเอาสุขภาพไปฝากไว้กับแพทย์มากเกินไป สุขภาพดีต้องทำเอง โลกกำลังเปลี่ยน Healthcare จาก Reactive สู่ Proactive การดูแลสุขภาพต้องมาก่อน Wellness & Lifestyle Medicine เพราะสุขภาพที่ดีต้องสร้าง ไม่ใช่รอให้เสียไปแล้วค่อยรักษา”
*ยกระดับ Wellness ด้วยการแพทย์ สร้างมูลค่าเพิ่ม
นายแพทย์ตนุพล ยังประเมินว่า จากศักยภาพของประเทศไทย ที่ปัจจุบันติด 1 ใน 20 ประเทศจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ มีโอกาสจะขึ้นสู่เป้าหมายการติดหนึ่งในห้า (Top 5) จุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โดยมี “นักการตลาด” เป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเป้าหมายนี้ ร่วมกันทำงานเป็นทีมกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง Team Wellness Thailand เป็น Thailand Wellness Systems และนำ Wellness มายกระดับทางการแพทย์ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และมูลค่าเพิ่ม
“การผลักดันทำคนเดียวไม่ได้ Wellness ต้องทำทั้งระบบ หากร่วมมือกันจะสามารถเติมเต็ม เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มจากตลาด Wellness ได้อีกมาก ไทยมีธรรมชาติ อาหาร เอกลักษณ์ไทย มีบริการทางการแพทย์ เราทำหมดแล้ว แต่สิ่งที่ยังไม่ได้ทำ คือ นำมารวมกัน และยกระดับด้วยการแพทย์ มีงานวิจัยหรือข้อมูลทางการแพทย์รองรับบริการต่างๆ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ แล้วราคาจะสูงขึ้นมหาศาล”
โดยเขายกตัวอย่าง เช่น การนวดแผนไทย ก่อนนวดต้องมีผู้เชี่ยวชาญสอบถามอาการ บางรายต้องเอ็กซเรย์ หรือทำกายภาพประสานไปกับการนวด เป็น Medical Thai Massage , การทำสปา ที่ผสานเครื่องมือทางการแพทย์ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ในการบริการที่ดี เป็น Medical Spa ,กรณีการส่งออกสมุนไพรแต่ละชนิด ต้องมีงานวิจัยทางการแพทย์รองรับสรรพคุณสมุนไพรที่ชัดเจน เช่นเดียวกับ การนั่งสมาธิ ก็ต้องมีงานวิจัยรองรับที่ชัดเจน (Scientific Wellness) ว่า ช่วยลดความเครียด เพิ่มโฮโมนความสุขอย่างไร เป็นต้น
*Wellness ต้อง Human Based ไม่ใช่ AI Based
“Wellness ต้องใส่ความเป็นมนุษย์ เป็น Human Based ไม่ใช่ AI Based ไทยเชิญทุกคนมาเมืองไทย เพื่อซื้อชีวิต ให้กลับไปตายช้าลง คนไทย ต้องเป็นเซลล์แมน เราควรเป็น Wellness Hub อันดับ 5 ของโลก มูลค่า Wellness ไทยต้องสูง คนไทยทำของที่ไม่มีคนทำ แต่กลับได้ตังค์น้อยแบบนี้ไม่ถูกต้อง Robot ก็นวดแทนคนไม่ได้” นายแพทย์ตนุพล ระบุ

*สมาคมโรงแรมไทย ชี้ไทยเต็มไปด้วยโอกาสตลาด Wellness
เทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย เห็นสอดคล้องว่า การจะทำให้เศรษฐกิจ Wellness ไทยเติบโตขึ้นอีกระดับอยู่ที่ความร่วมมือของทุกฝ่าย รวมถึงการตลาด เพื่อสะท้อนจุดเด่นของไทยด้าน Wellness ในทุกมิติ โดยมีงานวิจัยและวิทยาศาสตร์มาสนับสนุน
“ไทยมีจุดเด่นทั้งลักษณะทางภูมิศาสตร์ มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม มีอาหารเป็นยา ภูมิปัญญาสมุนไพร มีโรงพยาบาลที่ดี มีนวดไทยและมวยไทยที่ดังไปทั่วโลก มีวัฒนธรรมอ่อนน้อม ที่ชาติอื่นยากจะเลียนแบบ ขณะที่ผ่านพ้นโควิดมา ทุกคนเริ่มตระหนักถึงการดูแลสุขภาพกันมากขึ้น เหล่านี้ล้วนเป็นโอกาสทางการตลาดของธุรกิจนี้ ด้วยเป้าหมายดึงต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ” นายกสมาคมโรงแรมไทย ระบุ

*Wellness ครอบคลุมทุกมิติ การใช้ชีวิต เที่ยว พักผ่อน
ด้าน จิตติมาพร นิลมัย ผู้แทนจากสมาคมการค้าการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ กล่าวว่า Wellness คือการดูแลสุขภาพองค์รวม ไม่เฉพาะการนวดหรือสปาเท่านั้น ดังนั้นธุรกิจนี้จึงสามารถเสนอบริการตั้งแต่เช้าจรดเย็น ด้วยโปรแกรมต่างๆ โดยนำวัฒนธรรมของแต่ละพื้นที่ ธรรมชาติ และมารยาทไทย มาผนวกให้กลายเป็นจุดเด่นของบริการต่างๆที่นำเสนอ โดยเห็นว่าความสำเร็จของธุรกิจนี้ในระดับจังหวัดคือการ “รวมกลุ่ม” ขับเคลื่อนโดยชุมชน ทำให้เกิดการเชื่อมโยงท่องเที่ยวแล้วกาย-ใจดี และดูแลสิ่งแวดล้อม
“บริการสุขภาพต้องดูแลสมดุลกายใจ ป้องกันก่อนการเจ็บป่วย Wellness แตะทุกมิติ ไม่ได้เป็นเพียงอุตสาหกรรมด้านสุขภาพด้านเดียวอีกต่อไป แต่กำลังขยายบทบาทสู่ทุกมิติของการใช้ชีวิต การท่องเที่ยว การพักผ่อน เป็นโอกาสเชิงกลยุทธ์การตลาด Wellness ยังเป็นร่มที่เกี่ยวพันทุกหน่วยงานเป็น Ecosystems หากฉายภาพรวมกันได้ ไทยจะสามารถขึ้นอันดับ 1 โลกด้าน Wellness ได้เช่นกัน” จิตติมาพร ระบุ






