News

ครั้งแรก! 3 องค์กรยักษ์ใหญ่
ผนึกกำลังกว่า 900 องค์กรทั่วประเทศ
ยกระดับการบริจาคโลหิต เป็น “วาระแห่งชาติ”
เปิดตัวแคมเปญ #BLOODCONNECT
ปลุกพลัง Gen Z บริจาคโลหิตอย่างยั่งยืน

SHARE

ครั้งแรกของความร่วมมือครั้งยิ่งใหญ่ 3 องค์กรสำคัญ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย (MAT) และสมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย (AAT) เป็นแกนสำคัญรวมพลังองค์กรพันธมิตรกว่า 900 องค์กรทั่วประเทศ ร่วมยกระดับการบริจาคโลหิตเป็น “วาระแห่งชาติ” ปลุกพลังเยาวชนคน Gen Z ชวนบริจาคโลหิตผ่านแคมเปญ #BLOODCONNECT ภายใต้แนวคิด “We Are All Connected – เลือดเชื่อมชีวิต…ให้ทุกชีวิตได้ไปต่อ” สร้างการเปลี่ยนแปลงสังคมด้วยการบริจาคโลหิต มอบโอกาส มอบความสุข มอบอนาคตให้ผู้ป่วยได้ใช้ชีวิตในรูปแบบที่ต้องการ จุดไฟคน Gen Z เห็นความสำคัญของการบริจาคโลหิตเป็นประจำทุก 3 เดือน ให้มีปริมาณโลหิตสำรองเพียงพอสำหรับผู้ป่วยทั่วประเทศ

รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิงประสบศรี อึ้งถาวร ประธานคณะกรรมการจัดหาและส่งเสริมผู้ให้โลหิตแห่งสภากาชาดไทย เปิดเผยว่า จากสถิติการบริจาคโลหิตในประเทศไทย ของศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ พบว่าในปี 2566 และปี 2567 มีประชากรที่บริจาคโลหิตเพียง 1.63 ล้านคน จาก 66 ล้านคน และ 1.65 ล้านคน จาก 66 ล้านคน ตามลำดับ เป็นจำนวนโลหิตบริจาคในปี 2566 จำนวน 2,818,774 ยูนิต คิดเป็นร้อยละ 3.7 หรือประชากร 1,000 คน จะมีผู้บริจาคโลหิตเพียง 37 คนเท่านั้น ขณะที่สถิติความถี่ในการบริจาคโลหิตเมื่อปี 2567 พบว่า ผู้บริจาคโลหิตปีละ 4 ครั้ง มีเพียงร้อยละ 4.5 ขณะที่ผู้บริจาคโลหิตปีละ 1 ครั้ง มีมากถึงร้อยละ 67 หากมีผู้บริจาคโลหิตประจำทุก 3 เดือน หรือปีละ 4 ครั้งเพิ่มมากขึ้น จะทำให้มีโลหิตเพียงพอสำหรับผู้ป่วยอย่างสม่ำเสมอตลอดปี

ปัจจุบันกลุ่มเยาวชน Gen Z นับเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญที่สามารถบริจาคโลหิตได้อย่างยั่งยืนต่อไป ในอนาคต เยาวชนกลุ่มนี้เป็นคนรุ่นใหม่ผู้ที่ชื่นชอบและสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงของสังคม หากเริ่มต้นเป็นผู้บริจาคโลหิตตั้งแต่อายุ 17 ปีบริบูรณ์ จะมีช่วงระยะเวลาบริจาคโลหิตได้อย่างต่อเนื่องยาวนาน แต่จากสถิติการบริจาคโลหิตที่น่าสนใจของกลุ่มเยาวชน ที่มีอายุระหว่าง 17-20 ปี ระหว่างปี 2566 – 2567 คิดเป็นร้อยละ 10 จากผู้บริจาคโลหิตในทุกช่วงอายุ โดยในปี 2566 มีเยาวชนบริจาคโลหิต จำนวน 167,478 คน จากผู้บริจาคโลหิต 1.63 ล้านคน ขณะที่ปี 2567 มีเยาวชนบริจาคโลหิต จำนวน 162,170 คน จากผู้บริจาคโลหิต 1.65 ล้านคน

ดร.ลักขณา ลีละยุทธโยธิน ประธานอนุกรรมการรณรงค์เพิ่มผู้บริจาคโลหิต ในคณะกรรมการจัดหา และส่งเสริมผู้ให้โลหิตแห่งสภากาชาดไทย ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เปิดเผยว่า จากสถิติ ดังกล่าวจึงเป็นที่มาของความร่วมมือครั้งสำคัญระหว่าง 3 ภาคีหลักในสังคมไทย ได้แก่ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย (MAT) และสมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย (AAT) ที่เป็นแกน สำคัญในการรวมพลังกับภาคเอกชนชั้นนำทั่วประเทศ สร้างสรรค์แคมเปญในรูปแบบ Public Service Advertising Campaign เพื่อขับเคลื่อนสังคมด้วยพลังของความคิดสร้างสรรค์ และความรู้ในวิชาชีพด้านการตลาด และโฆษณา จุดมุ่งหมายคือการสร้างความตระหนักรู้และกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมการบริจาคโลหิตอย่างต่อเนื่องใน กลุ่มคนรุ่นใหม่ เพื่อให้ประเทศไทยมีปริมาณโลหิตสำรองเพียงพอสำหรับผู้ป่วยอย่างยั่งยืน

แคมเปญ #BLOODCONNECT ภายใต้แนวคิด “We Are All Connected – เลือดเชื่อมชีวิต… ให้ทุกชีวิตได้ไปต่อ” ถือเป็นจุดเริ่มต้นของพลังการตลาดเพื่อสังคมที่แท้จริง โดยมีเป้าหมายปลุกพลังคนรุ่นใหม่ให้ บริจาคโลหิตเป็นประจำทุก 3 เดือน พร้อมผลักดันให้เกิดการสร้างวัฒนธรรมใหม่ของการให้ที่ยั่งยืนในอนาคต นอกจากนี้ เรายังได้เชิญชวนภาคีเครือข่ายจากทั้งภาครัฐ เอกชน รัฐวิสาหกิจ รวมถึงแบรนด์ระดับประเทศและระดับโลก ร่วมเป็นกระบอกเสียงแห่งการให้ ผ่านการรณรงค์ทุกสื่อทั้งออฟไลน์และออนไลน์ นับเป็นเป็นก้าวแรกของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ที่เกิดจากความร่วมมือขององค์กรกว่า 900 แห่งทั่วประเทศ เพื่อเป้าหมายเดียวกันในการยกระดับการบริจาคโลหิตให้เป็น “วาระแห่งชาติ” อย่างแท้จริง

ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ นายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย (MAT) เปิดเผยว่า สมาคมการตลาดฯ มอบหมายให้ โอลิเวอร์ กิตติพงษ์ วีระเตชะ ผู้เชี่ยวชาญด้านแบรนด์ดิ้งและทีมงาน ซึ่งเป็นคณะกรรมการอำนวยการ สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย เป็นผู้รับผิดชอบในการกำหนดแนวคิดเชิงกลยุทธ์ และออกแบบโครงสร้างแคมเปญ โดยเน้นทำความเข้าใจอินไซต์ของคนรุ่นใหม่อย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะ Gen Z ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีพลังในการเปลี่ยนแปลงและแสวงหาความหมายจากการมีส่วนร่วม ซึ่งเป้าหมายของแคมเปญนี้คือการสร้างพฤติกรรมบริจาคโลหิตให้กลายเป็นวัฒนธรรมแห่งการให้ที่ยั่งยืน โดยได้นำไอเดียไปต่อยอดและประสานความร่วมมือจากสมาชิกต่าง ๆ ทั้งนักการตลาด นักสร้างแบรนด์ และองค์กรภาคเอกชนชั้นนำของประเทศ เน้นการมีส่วนร่วมในทุกมิติ ไปจนถึงการเชื่อมโยงผู้คนผ่านสื่อหลากหลายช่องทาง นี่จึงเป็นมากกว่า แคมเปญเพื่อสังคม แต่เป็นการทำการตลาดเชิงรุกที่ตั้งเป้าเปลี่ยนพฤติกรรมและทัศนคติของทั้งสังคม สร้างแรงกระเพื่อมที่ส่งต่อได้จากรุ่นสู่รุ่น สะท้อนให้เห็นถึงพลังของการตลาดในมิติใหม่ ไม่ใช่เพียงขับเคลื่อนธุรกิจ แต่เป็นพลังที่สร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีให้กับสังคมได้อย่างแท้จริง

นายรติ พันธุ์ทวี นายกสมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย (AAT) เปิดเผยว่า เราเชื่อในพลังของความคิดสร้างสรรค์ที่จะช่วยสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดี และเราก็เชื่อในพลังของคนรุ่นใหม่ที่สนใจกับการทำสิ่งดีๆให้กับสังคมและโลกใบนี้ พวกเราเฟ้นหาไอเดียที่ต้องมีประสิทธิภาพสร้างการรับรู้และสร้างแนวร่วม ออกมาเป็นงานโฆษณาและการไวรัลคลิปที่แตกต่างไปจากเดิมทั้งในรูปแบบ วิธีการและช่องทางการสื่อสาร เรานำความเชี่ยวชาญและความคิดสร้างสรรค์จากเครือข่ายนักโฆษณาและครีเอทีฟระดับประเทศ มาร่วมกำหนดแผนสร้างคุณค่าของการสื่อสารให้สมกับเป็นแคมเปญ “เพื่อสังคม” อย่างแท้จริง ทั้งนี้เราได้รับความร่วมมือจากนักคิดสร้างสรรค์ระดับท้อปของประเทศ ผู้ได้รับรางวัลมากมายระดับโลกอย่างคุณสุทธิศักดิ์ สุจริตตานนท์และทีมงานมาร่วมสร้างสรรค์งานนี้ และเราก็เชื่อว่าแคมเปญนี้จะตอบโจทย์ insight ของ Gen Z อย่างตรงจุด อีกทั้งยังไม่ได้เป็นแค่การโฆษณาประชาสัมพันธ์ แต่คือการวางรากฐานของ “ทัศนคติและวัฒนธรรม” แห่ง“การให้”ผ่านการเล่าเรื่องราวที่สร้างความรู้สึกและอารมณ์ร่วมกันได้อย่างแท้จริง นอกจากนี้สมาคมโฆษณาฯยังได้เชิญเซเลบริตี้ผู้มีจิตกุศล 4 ท่าน ได้แก่ “ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน” “อุ้ม – อิษยา ฮอสุวรรณ” “กองทัพ พีค” และ “วิน – เมธวิน โอภาสเอี่ยมขจร” ให้เกียรติมาร่วมเป็นกระบอกเสียงสร้างแรงบันดาลใจ สร้างแรงจูงใจแบบไวรัลในโลกโซเชียลให้กลุ่มคนรุ่นใหม่เกิดการรับรู้ นำไปสู่เปลี่ยนแปลงทั้งในเชิงพฤติกรรมและทัศนคติ ผลักดันการบริจาคโลหิตให้กลายเป็น “วาระแห่งชาติ” ที่ทุกคนรู้สึกเป็นเจ้าของร่วมกัน

ร่วมสร้างปรากฏการณ์ Blood Connect เลือดเชื่อมชีวิต ให้ทุกชีวิตได้ไปต่อ โดยโพสต์แบนเนอร์พร้อมกันทั่วประเทศ วันพุธที่ 18 มิถุนายน 2568 เวลา 09.00 น. ดาวน์โหลด Template ได้ที่ https://shorturl.asia/r8D2s หรือสแกน QR Code


ดาวน์โหลด
Template Blood Connect

ให้เลือดเชื่อมชีวิต…ให้ทุกชีวิตได้ไปต่อ บริจาคทั่วประเทศได้ที่
• ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ถนนอังรีดูนังต์
• หน่วยรับบริจาคโลหิตประจำที่ (Fixed Station) ได้แก่ สถานีกาชาด 11 วิเศษนิยม (บางแค) เดอะมอลล์สาขาบางแค สาขาบางกะปิ สาขางามวงศ์วาน สาขาท่าพระ ศูนย์การค้าดิเอ็มโพเรียม และบ้านทรงไทย (ย่านวงศ์สว่าง)
• ภาคบริการโลหิตแห่งชาติ 12 แห่งทั่วประเทศ ได้แก่ จังหวัดลพบุรี ชลบุรี ราชบุรี นครราชสีมา ขอนแก่น อุบลราชธานี นครสวรรค์ พิษณุโลก เชียงใหม่ นครศรีธรรมราช (ทุ่งสง) สงขลา และภูเก็ต
• โรงพยาบาลสาขาบริการโลหิตแห่งชาติ 8 แห่ง ในกรุงเทพฯ ได้แก่ โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช,
โรงพยาบาลรามาธิบดี, โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า, สถาบันพยาธิวิทยา ศูนย์อำนวยการแพทย์
พระมงกุฎเกล้า, โรงพยาบาลตำรวจ, คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช,
โรงพยาบาลราชวิถี และโรงพยาบาลสิรินธร
• โรงพยาบาลสาขาบริการโลหิตแห่งชาติทั่วประเทศ

ให้โลหิตเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ ในการมอบโอกาส มอบความสุข มอบอนาคตให้ผู้ป่วยได้ใช้ชีวิตในรูปแบบที่ต้องการ และได้กำหนดชีวิตตัวเองต่อไป การบริจาคโลหิต 1 ครั้ง สามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยได้มากกว่า 3 ชีวิต หลายคนอาจจะมีภูมิหลังและเรื่องราวที่แตกต่างกัน แต่ใต้ผิวหนังของทุกคนนั้น มีโลหิตไหลเวียนอยู่ ภายในร่างกาย การบริจาคโลหิตสามารถ “เชื่อมโยง” ทุกชีวิตในรูปแบบที่สวยงามและให้ชีวิตได้ไปต่อ

ดาวน์โหลดสื่อประชาสัมพันธ์ Blood Connect

#BLOODCONNECT #เชื่อมเลือดเชื่อมชีวิตเชื่อมทุกองค์กรเพื่อสังคมไทยที่ไม่ขาดเลือด


ขอบคุณที่ท่านได้กรุณาเผยแพร่ข่าวนี้
ฝ่ายจัดหาผู้บริจาคโลหิตและสื่อสารองค์กร ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย
โทรศัพท์ 0 2256 4300, 0 2263 9600-99 ต่อ 1760, 1761

Tags:

ผู้เขียน
Supavadee Tantiyanon

Founder, Experience Matters Co., Ltd.
and Vice President of Government Partnership

Subscribe now

© 2019 Marketing Association of Thailand
logo