Knowledge

MAT Vaccine For Business EP.1

1
SHARE

เมื่อวันอังคาร ที่ 14 เมษายน 2563 ที่ผ่านมา สมาคมการตลาดฯ เริ่มต้นตอนแรก ในชื่อตอน “การตลาด online เริ่มยังไงให้รอด” จะโฟกัสที่การขายของ ซื้อมา-ขายไป สำหรับผู้ไม่เคยมีหน้าร้าน และผู้ที่มีหน้าร้าน แต่ยังไม่เคยบุกโลกออนไลน์ เพื่อระบายสต็อค ได้รับเกียรติจาก กับ 3 วิทยากร

คุณธัญญ์นิธิ อภิชัยโชติรัตน์ ผู้ร่วมก่อตั้งและวางแผนกลยุทธ์การตลาด บริษัท สมอลเวิลด์ฟอร์คิดส์ จำกัด ซึ่งเป็น 1 ใน 10 คนไทยที่ได้รับการคัดเลือกจาเฟซบุ๊กให้เป็น Alpha Tester หรือทดลองเครื่องมือการตลาดใหม่ๆบนเฟซบุ๊กรายแรก
คุณยุทธนา เทียนธรรมชาติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อะเดย์ เฟรช จำกัด ผู้จัดจำหน่ายผลไม้ออนไลน์คนแรกของประเทศไทย
คุณสุรศักดิ์ เหลืองอุษากุล นักวางกลยุทธ์การตลาด และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท แบรนด์เบเกอร์ จำกัด

สำหรับการเริ่มต้น

วิธีที่ง่าย และไม่มีต้นทุน คือ บัญชีส่วนบุคคล หรือการเข้าร่วม กลุ่ม ใน facebook
หากใช้ Instagram ให้เน้นการโพสต์ และการกดติดตาม แม้กระทั่ง Line กลุ่มเพื่อนที่เรามี เคยมีคนที่สร้างยอดขายจากกลุ่มเพื่อนได้เป็นจำนวนมากเช่นกัน ซึ่งช่องทางเหล่านี้เราสามารถเริ่มต้นได้เลยทันที
หากเป็น Market place อย่าง Shopee หรือ Lazada ก็สามารถสร้าง account ได้ฟรี

อย่าเพิ่งโฟกัสที่การทำโฆษณา แต่ให้ทำความคุ้นเคยกับการขายบนโลกออนไลน์ก่อน รู้จักการโพสต์ และการเขียนให้คนมีอารมณ์ร่วมที่จะซื้อ

ต่อมา คือ การทำความรู้จักสินค้าตัวเอง วัตถุดิบที่มี ว่าอะไรที่จะสามารถนำมาขายในช่องทางออนไลน์ หรือต้องมีการขนส่งได้ และเหมาะกับการขายในช่องทางไหน ยกตัวอย่าง บาบีคิวพลาซ่า (ร้านปิ้งย่าง) ที่ไลฟ์ขายซอส บนช่องทาง facebook เป็นต้น

ในสถานการณ์นี้ ทุกคนเปลี่ยนมาขายของออนไลน์ สิ่งสำคัญคือ ดึงจุดเด่นสินค้าเราออกมา เล่าเรื่องให้ชัด และน่าสนใจ

แต่ถ้าสินค้าเราไม่มีอะไรต่างเลย เราต้องสร้างความต่างเอง เช่น การตั้งราคา, ทำแพ็คเกจจิ้ง, ถ่ายภาพให้ดูดี ก็ช่วยดึงความสนใจจากลูกค้าได้ หรือแม้กระทั่ง การเลือกทำเล ว่าสินค้าของเราเหมาะจะขายที่ไหน Facebook Instagram หรือ Twitter

ด้วยหลักการของการตลาด สินค้าต้องถูกดึงจุดเด่นออกมา สร้างเรื่องราวที่ตอบโจทย์ให้กับลูกค้า โลโก้ หรือชื่อ ก็ยังเป็นเรื่องรอง จากเรื่องราวสินค้าที่เราต้องการสื่อสาร เมื่อมีเรื่องราวของสินค้า เมื่อนั้นเราจะรู้ว่าแบรนด์ของเราควรจะชื่ออะไร มันจึงสะท้อนหัวใจของแบรนด์

เมื่อพูดถึงว่าจะขาย ที่ไหนดี

ในแต่ละ แพลตฟอร์ม ก็มีจุดเด่น และพฤติกรรมของผู้ใช้งานที่แตกต่างกัน ถ้าคุณมีเรื่องราว Facebook เป็นช่องทางที่เหมาะกับการเล่า เพราะผู้เล่น Facebook ยินดีที่จะกดอ่านจนจบ
โดย Instagram ให้ลักษณะของ photobook เน้นการถ่ายภาพ ซึ่งกล้องโทรศัพท์มือถือก็เพียงพอ ให้เน้นที่องค์ประกอบหลัก คือเรื่องแสง ก็สามารถถ่ายภาพให้สวยได้ เหมาะกับสินค้าแฟชั่น ของสวยงาม บิวตี้ คอสเมติก

Shopee หรือ Lazada เหมาะกับสินค้าที่เป็นแบรนด์ หรืออยู่ในกระแส เช่น หน้ากาก เจลล้างมือ แอลกอฮอล หรือแบรนด์อย่าง dettol เพราะคนจะทำการ search หาสิ่งเหล่านี้ใน Market place อยู่แล้ว ถ้าวางราคาดีๆคนก็จะเลือกซื้อของเรา ซึ่งทั้งสอง platform นี้ ก็มีเครื่องมือการตลาดตลาดเป็นของตัวเอง เช่นการ live หรือ การซื้อโฆษณาให้เป็นสินค้าแนะนำ เพื่อสนับสนุนผู้ขาย เช่นกัน

การขายซื้อค้า ซื้อมาขายไปหรือแบรนด์ที่เป็นที่รู้จัก หากเลือกขายใน Shopee Lazada ก็สะดวก เพราะคนจะค้นหาจากชื่อแบรนด์อยู่แล้ว จะชนะกันที่ราคา รีวิว และการดูแลลูกค้า

คุณจี๊ป สุรศักดิ์ ได้เล่าถึงเทรนด์เทรนด์สินค้าที่เกิดขึ้นกับวอลล์มาร์ท ห้างใหญ่ในสหรัฐอเมริกา ช่วงเวลาที่ผ่านมาว่า สินค้ายอดนิยมในช่วงโควิด แบ่งออกเป็น 4เฟส เฟสแรก คือ สินค้าความสะอาด เฟสที่สอง คือ กระดาษชำระ เฟสที่สาม คืออาหาร
และในเฟสที่สี่ คือ ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับทรงผม แม้ในประเทศไทยเอง ก็จะเริ่มเห็นผู้ชายซื้อปัตตาเลี่ยน ผู้หญิงทำสีผม เนื่องจากอยู่บ้านกันเป็นเวลานาน

ซึ่งวันนี้ ถ้าเราจะมาขายหน้ากาก ก็คงไม่ทันแล้ว ถ้าเราไม่มีของจะขาย ให้ลองมองว่า สัปดาห์ถัดไปเราควรจะขายอะไรดี

การสร้างคอนเทนต์ ให้คุณเริ่มต้นด้วยทำไม? (Start with WHY)

ตอนนี้หมดยุคของการบอกว่าสินค้าเรามีดีอย่างไร แต่ต้องเน้นที่การเล่าเรื่องที่เป็น benefit สำหรับลูกค้า ว่าทำไมเขาถึงต้องเลือกเรา
ยกตัวอย่างเช่น เฟอร์นิเจอร์ หากพูดถึงคุณสมบัติว่า เพจเราขายโต๊ะ เก้าอี้ ที่แข็งแรง ทนทาน ประกอบง่าย น้ำหนักเบา คือการเล่าด้วย What

หนึ่งตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จจาก Luxury Furniture ที่ไม่เคยขายได้บน facebook จากคุณแอม ยุทธนา ได้ดึงจุดเด่นออกมาของธุรกิจออกมาเป็นคอนเทนต์

“เรามีประสบการณ์กว่า 30 ปี สามารถออกแบบเฟอร์นิเจอร์ให้เหมาะกับบ้านที่คุณมี เพียงแค่ส่งรูปบ้านของคุณมา เราสามารถสร้าง perfect match furniture อำนวยความสะดวก และดูแลคุณเอง” คือการที่บอกว่า WHY ทำไมคุณต้องเลือกเรา ซึ่งทำให้เกิดยอดขาย ขึ้นมาได้จริง

อีกตัวอย่าง จากสินค้าของคุณหนึ่ง ธัญญ์นิธิ คุณหนึ่งเล่าว่า “การขายของเด็กเล็กต้องเน้นที่why เราจะไม่เล่าเรื่องแค่ว่า อันนี้คือยางที่เอาไว้จับขวดนม แต่เราจะขายเรื่องราวการสร้างพัฒนาการ ที่เค้าได้ฝึกหยิบ ฝึกจับ และมีแรงในการถือของได้ง่ายขึ้น

การสร้างคอนเทนต์เชิงให้ความรู้ จะทำให้คนที่เข้ามาดู เชื่อถือเรา ว่ารู้จริง จนเกิดการแชร์ต่อ ทำให้เราเป็นที่รู้จัก และเมื่อนำคอนเทนต์นั้นไปทำโฆษณา ก็จะช่วยให้โฆษณาได้ในราคาที่ถูกลง

ถ้าคุณทำคอนเทนต์ได้ดีจะมีผลไปถึงการทำโฆษณาด้วย เพราะเฟสบุ๊คจะมีการให้คะแนน ถ้าคะแนนดี ค่าโฆษณาก็จะถูกลง และการเลือกกลุ่มเป้าหมายที่แคบลง หรืออ้างอิงจากลูกค้าจริง ให้ facebook ช่วยหาคนที่คล้ายกัน และสื่อสารได้ตรงกับคนที่ต้องการอยู่แล้ว จะช่วยให้เราเจาะตลาดแล้วขายได้ง่ายขึ้น

ของกินบนออนไลน์ขายอย่างไรดี?

ให้เริ่มตั้งโจทย์ว่าเล่าเรื่องรสชาติอย่างไร ง่ายสุดก็คือ รีวิวลูกค้าที่เคยซื้อแล้ว เราขอเค้าง่ายๆ อย่างจริงใจผ่านการเขียนโน๊ตไปกับของที่ส่งให้ลูกค้า ช่วยกลับมาให้ดาว หรือ รีวิวบนเพจ ทำให้การขายไม่ใช่เพียงส่งของแล้วจบไป แต่เกิดการบอกต่อ แล้วให้ผลกลับมาในระยะยาว

สำหรับช่วงเวลาที่จะทำการตลาดให้ได้ผล นั่นก็ขึ้นอยู่กับธรรมชาติของสินค้า

คุณหนึ่งเสริมว่า ลองดูสินค้าของคุณ ถ้าเป็นสินค้าอาหาร คุณควรไลฟ์ก่อนเที่ยง ตอนเขา เริ่มหิว และสร้างความต่าง กรณีที่ประสบความสำเร็จ คือ ทำแล้วนั่งกินให้คนดู เพื่อกระตุ้นความอยาก หรือไลฟ์ตอนกลางคืน อาจจะมีคนหิวแล้วกดสั่งอาหารก็ได้

สำหรับใครที่กำลังจะเริ่มต้น ไม่ต้องกังวลกับยอดไลค์ หรือยอดดูไลฟ์ ในการเลือกช่วงเวลาที่จะไลฟ์ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ให้ยึดจากลูกค้าเป็นหลักว่า prime time ที่ลูกค้าของเราจะนั่งดูไลฟ์ที่ยาวกว่า 10 นาทีได้นั้น คือช่วงเวลาไหน หรือช่วงเวลาไหนที่การไลฟ์ จะช่วยกระตุ้นความต้องการของลูค้าได้ แล้วโปรโมท นัดหมายเวลากับคนดูด้วย

สิ่งที่ยากที่สุดคือการเริ่มต้น ทำแล้วอย่าหยุด หากยังไม่ประสบความสำเร็จ ให้ตั้งคำถามว่าทำไมถึงยังไม่มียอดไลค์ ยอดดู แล้วค่อยๆปรับ แต่ต้องทำต่อไปเหมือนหนูถีบจักร

สิ่งสุดท้ายสำหรับการเริ่มต้นนี้ คือการเตรียมการทำงานหลังบ้าน และระบบขนส่ง

คุณแอมแชร์ประสบการณ์ การขายผลไม้ มีเรื่องสี ขนาด ที่ไม่สามารถควบคุม ของจริงให้กับภาพที่โฆษณาแต่สิ่งที่ทำได้คือการเลือกบริการขนส่งที่เหมาะสม และมีคุณภาพ
การขายอาหารเอง ก็มีความเสี่ยงจากอุบัติเหตุในการขนส่ง ที่เราไม่สามารถให้ลูกค้าไปเรียกร้องจากขนส่งได้

เมื่อลูกค้าซื้อสินค้าจากเรา เราต้องรับผิดชอบ จริงใจกับลูกค้า

ท่านสามารถเข้าไปรับชม EP.1 ย้อนหลังได้ที่ Facebook fanpage : MAT Society
และขอฝากให้ทุกท่านติดตามรับชมสด EP.3 “คิด content ยังไง ให้โดนใจ และสร้างยอด?”
ในวันอังคารที่ 28 เมษายน เวลาเดิม 2 ทุ่มตรง


ผู้เขียน
MAT TEAM

สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย

สมัครรับข่าวสาร

logo